ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม - ตอนที่ 5 ชีวิตแม่ค้า โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่

รายละเอียด

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

หากใครคิดว่าการตายไปคือการได้พ้นทุกข์พิมพ์ลดาขอเรียนให้ทราบว่าทนใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเถิดเพราะชีวิตหลังความตายที่ได้พบเจออาจจะบัดซบยิ่งกว่าเก่าดูจากชีวิตของเธอเป็นตัวอย่างจากแต่เดิมที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ แต่ชีวิตก็มามีอันถึงคราวซวยต้องมารับใช้หนี้นอกระบบที่พี่สาวแท้ๆ เป็นคนก่อแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆไปไม่กลับมา เจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ได้ทุกวันหาเงินมาจ่ายดอกวันละสองพันก็ยังไม่พอทำให้เธอตัดสินใจโดดน้ำตายให้มันจบๆ ไป ลากันทีชีวิตบัดซบซ้ำซาก

แต่ใครมันจะรู้ว่าจะมีชีวิตในโลกหน้าที่รออยู่จากผู้หญิงธรรมดาอายุยี่สิบปลายๆ กลับต้องมามีชีวิตใหม่สวมวิญญาณเข้าร่างเป็นมารดาของบุตรสี่คนและสามีอีกหนึ่งแต่เรื่องที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือกุ้ยอิงฮวาคนนี้เคยมีสามีมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองคนสามีแรกแก่ง่ายตายเร็วมาก สามีสองยังไม่แก่แต่ก็ชิงตายไปทิ้งมรดกไว้ให้เป็นลูกๆ ที่แสนรู้ความถึงสองคนส่วนสามีคนที่สามนั้นนางจัดการรวบตึงเอาไว้เพราะอยากให้ในครอบครัวมีผู้ชายช่วยปกป้องดูแลแต่อยู่มาไม่ทันไรเขาก็สร้างเรื่องไปอุ้มเด็กกลับมาบ้านให้นางเลี้ยงอีกแล้วหรืองานนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

หมายเหตุ

นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

คำเตือน

              นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอาจทำให้คุณนักอ่านไม่สบายใจนะคะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 1 ตายแล้วเกิดใหม่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 2 รับบทคุณแม่ลูกสี่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 3 วิถีชาวบ้าน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 4 หาลู่ทางทำอาชีพเสริม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 5 ชีวิตแม่ค้า,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 6 ซื้อง่ายขายคล่อง,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 7 เจ้ามันก็แค่ฮูหยินตกอับ,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 8 ระราน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 9 ของกินเล่น,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 10 ทาบทาม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 11 ลักพาตัว ปลดเหรียญอ่านฟรี 25 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 2 พฤษภาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 5 ชีวิตแม่ค้า

แม้เรื่องรสชาติอาหารหรือว่าเรื่องของร้านค้าและอุปกรณ์ต่างๆ จะไม่ต้องเป็นกังวลเพราะสามารถใช้เงินของสามีซื้อหามาได้แต่กระนั้นก็ยังมีเรื่องให้จัดการอยู่อีกมากหลังจากเดินทางเข้าไปสั่งทำรถเข็นแบบพิเศษที่ดัดแปลงมาจากรถเข็นในโลกนี้รวมถึงสั่งเก้าอี้นั่งเอาไว้สิบห้าตัวเอาไว้ให้ลูกค้าและเด็กๆ ได้ใช้นั่งพักเวลาที่ไปช่วยนางขายของแล้วก็ได้เวลาที่กุ้ยอิงฮวาจะต้องทำเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง

ซึ่งนั่นก็คือการขึ้นเขาไปหาวัตถุดิบมากักตุนไว้โดยนางวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะเปิดร้านขายข้าวแกงหกวันและอีกวันจะเป็นการหยุดพักเพื่อมาตามหาวัตถุดิบเพราะถ้าหากเก็บผักที่มีอยู่ในสวนทุกวันมันก็น่าจะไม่พอขายจึงต้องหาแหล่งวัตถุดิบสำรองเตรียมเอาไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด

บริเวณหลังบ้านมีกอไผ่ก็พอจะหาหน่อไม้ได้บ้างแต่ระยะยาวไม่น่าจะมีพอกุ้ยอิงฮวาจึงคิดจะไปหาหน่อไม้มานึ่งอัดใส่ไหเอาไว้กินดีที่ชีวิตก่อนเคยช่วยย่ากับพ่อทำหน่อไม้ปี๊บมาก่อนจึงพอจะทำได้และแม้ฤดูนี้จะไม่ใช่หน้าของหน่อไม้แต่มันก็ยังพอจะมีให้เห็นอยู่บ้าง

หลังจากพูดคุยหารือกับสามีและเตรียมตัวกันอยู่หลายวันในที่สุดก็ถึงวันที่กุ้ยอิงฮวาต้องเดินทางเข้าป่าโดยมีซุนคุนเล่อนำทางและแน่นอนว่าวันนี้สองสามีภรรยาจะขึ้นเขาไปกันเพียงสองคนให้เด็กๆ อยู่บ้านกันเองแต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนางจึงทำกับข้าวเตรียมเอาไว้ให้เด็กๆ ครบทั้งสามมื้อและสัญญากับพวกเขาเอาไว้ว่าจะกลับมาให้ทันก่อนตะวันจะตกดิน

“แม่ไปก่อนนะเสี่ยวอวี้ เสี่ยวอิงเจ้าสองคนต้องเป็นเด็กดีเองฟังพี่ใหญ่กับพี่รองเข้าใจหรือไม่ ส่วนเซินเอ๋อร์กับเสี่ยวซูหากพ่อกับแม่ออกไปแล้วเจ้าต้องปิดประตูลงกลอนบ้านให้แน่นหนาอย่าเปิดประตูให้ใครเข้ามาโดยเด็ดขาดหากมีอะไรเกิดขึ้นให้ร้องเสียงดังๆ ไม่ก็วิ่งไปตามท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านเข้าใจหรือไม่”

“เซินเอ๋อร์เข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่กับท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงท่านขึ้นเขาไปอย่างสบายใจเถิด” แม้บุตรสาวคนโตจะผิดหวังที่ไม่ได้ขึ้นเขาไปช่วยบิดามารดาแต่นางก็เข้าใจดีว่าน้องๆ ยังเล็กนักจึงต้องการคนคอยดูแลนางเป็นพี่คนโตจึงต้องเป็นที่พึ่งให้น้องๆ ในยามนี้

“ลูกก็เข้าใจขอรับ” เถียนซานซูยังคงเป็นเด็กชายที่ขี้อายและพูดน้อยอยู่มากแต่เขาก็รับปากมารดาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เอาล่ะแล้วพ่อกับแม่จะรีบไปรีบกลับนะ” มือหยาบที่จับแต่เครื่องมือทำมาหากินลูบลงบนศีรษะของลูกๆ ทุกคนแต่จะหยุดอยู่ที่เจ้าแฝดที่เริ่มมีแก้มกลมมากขึ้นนานหน่อยเพราะทั้งคู่ทำตาแป๋วแล้วร้องว่าไปด้วยๆ อยู่ตลอดเวลา

สองสามีภรรยาเดินขึ้นเขาท้ายหมู่บ้านตามชาวบ้านคนอื่นๆ ที่พบเจอกันระหว่างทางไปเรื่อยๆ แต่เพราะต่างคนก็ต่างรีบทำเวลาจึงไม่ได้แวะคุยอะไรกันมากนักเดินมาแค่ครึ่งชั่วยามก็มาพบกับลานโล่งที่ไม่มีผู้คนเลยนอกจากสองสามีภรรยาเนื่องจากคนอื่นๆ นั้นมุ่งหน้าขึ้นยอดเขามีแต่สองคนนี้ที่เดินอ้อมมายังที่ราบนี้ก่อน

“แถวนี้แหละที่ชาวบ้านนิยมมาขุดมันอาลูกันแต่บางครั้งก็เจอหัวมันอย่างอื่นด้วยแต่คนก็ไม่ค่อยนิยมกันเท่าไหร่” หัวมันนั้นมีหลายชนิดและถึงแม้ว่าพวกมันจะกินได้แต่ก็กินไม่ค่อยอร่อยชาวบ้านจึงไม่นิยมกินกันเท่าไหร่นัก

“คนอื่นไม่นิยมเพราะไม่รู้ว่าจะนำมันไปทำอะไรกินมากกว่าเจ้าค่ะเอาไว้ข้าจะลองทำอะไรแปลกใหม่ให้พวกท่านพี่และเด็กๆ ลองชิมกัน” ทั้งมันเทศ มันสำปะหลัง มันอาลูหรืออีกชื่อที่รู้จักกันดีก็คือมันฝรั่งนั้นสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายอิ่มนานอยู่ท้องแต่ที่นี่คนคงรู้จักแค่การนำมาเผาไฟไม่ก็ต้มกินมันจึงไม่ค่อยหลากหลายเพราะลำพังตัวของมันต่างๆ เองก็มีรสอ่อนนางไม่แปลกใจเลยที่คนจะไม่นิยม

“พี่เชื่อเจ้าเอาเป็นว่าเจ้ารอเก็บหัวมันก็แล้วกันนะพี่จะขุดขึ้นมาจากดินให้เอง” ซุนคุนเล่อมองหาเถาหรือต้นมันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ลงมือขุดอย่างแข็งขันไม่นานก็เจอหัวมันอาลูกลมๆ เท่ากำปั้นเล็กใหญ่ปะปนกันแต่ก็นับว่ามีจำนวนมากอยู่ไม่น้อย

“หากเรามีห้องใต้ดินสำหรับเก็บอาหารก็น่าจะดีนะเจ้าคะ” ระหว่างที่เก็บมันใส่ตะกร้าสะพายหลังที่วันนี้ถือมาคนละสองใบกุ้ยอิงฮวาก็พูดถึงเรื่องสถานที่กักตุนอาหารขึ้นมาลอยๆ

“ถ้าเจ้าต้องการพี่ทำให้ได้นะ”

“อย่าดีกว่าเจ้าค่ะเสียเวลาทำงานอย่างอื่นเรื่องขุดดินนั้นไม่ใช่ว่าทำวันสองวันแล้วจะเสร็จ หัวมันพวกนี้หากเก็บเอาไว้ในที่แห้งก็เก็บไว้ได้นานอยู่นะเจ้าคะแต่หากท่านพี่อยากจะขุดดินข้าแนะนำให้ขุดแปลงปลูกมันดีกว่าเราจะได้ไม่ต้องขึ้นเขามาเก็บให้มันเหนื่อย” แม้ป่าจะไม่ได้อยู่ไกลแต่หลังจากที่ขายอาหารคงไม่มีเวลาว่างกันสักเท่าไหร่ดังนั้นนางจึงคิดหาหนทางย้ายวัตถุดิบดีๆ ไปไว้ใกล้มือตนเองที่สุด

“ย่อมได้ เอาล่ะพี่ว่าจะลองขุดหัวมันชนิดอื่นๆ ด้วยดีกว่าหากเจ้ารู้จักวิธีนำไปประกอบอาหารก็บอกนะ” แค่จุดแรกก็น่าจะได้มันอาลูไปเกือบเต็มตะกร้าแต่บริเวณนี้ยังมีมันชนิดอื่นๆ ขึ้นอยู่ทั้งชนิดที่กินกันอย่างแพร่หลายและชนิดที่คนไม่กินกันแต่ซุนคุนเล่อตั้งใจที่จะลองขุดมันขึ้นมาทุกชนิดที่หาเจอแล้วให้ภรรยาเป็นคนเลือกเองว่านางจะเก็บไปทำอะไร

ซุนคุนเล่อไม่เคยกังขาในสิ่งที่กุ้ยอิงฮวาคิดและทำมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพราะถึงนางจะอ่อนวัยกว่าตนเองถึงห้าปีแต่ทว่านางมีความคิดความอ่านมากกว่าหญิงชาวบ้านทั่วไปนอกจากนี้ยังเป็นคนที่ไม่เคยอยู่นิ่งไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรือในอดีตเมื่อก่อนตอนที่เป็นฮูหยินรองของนายท่านเถียนนางก็รู้จักเรียนทำอาหารและขนมจากแม่ครัวจนคุณหนูทั้งสองติดใจไม่ค่อยจะยอมกินกับข้าวฝีมือคนอื่นเท่าไรนัก

แม้แต่ตอนที่ออกมาจากเรือนสกุลเถียนตัวนางเองก็ไม่เคยปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่นางทำคือยอมรับชะตากรรมและตั้งใจเลี้ยงคุณหนูและคุณชายเป็นอย่างดีไม่ต่างจากบุตรที่ตนเองเป็นผู้ให้กำเนิด

อยู่กันบริเวณนี้เพียงหนึ่งชั่วยามตะกร้าสะพายหลังก็เหลือที่ว่างเพียงแค่หนึ่งใบเพราะนอกจากมันอาลูแล้วกุ้ยอิงฮวาก็ยังเก็บทั้งมันเทศ มันสำปะหลังทั้งหัวทั้งยอดมันกลับไปด้วยจำนวนหนึ่ง

“นี่เจ้าสองคนยังไปไม่ถึงไหนกันอีกหรือ” ระหว่างที่นั่งพักดื่มน้ำกันอยู่ก็มีเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันลงเขามาพร้อมกับไก่ป่าในมือสองตัวซึ่งชาวบ้านก็มักจะล่าสัตว์มาแต่พอกินไก่สองตัวนี้ก็ทำให้ทั้งครอบครัวท้องอิ่มไปได้หลายวันแล้ว

“พี่เต๋อนี่เอง ข้าสองคนมิได้ตั้งใจจะมาล่าสัตว์หรอกแค่มาขุดหัวมันไปเก็บไว้ให้อิงเอ๋อร์ทำอาหารขายน่ะ” ไม่ช้าไม่นานเพื่อนบ้านต้องรู้ในสิ่งที่ครอบครัวซุนทำอย่างเมื่อตอนที่เขาพาอิงเอ๋อร์ไปสั่งทำรถเข็นก็มีคนรู้เห็นซุนคุนเล่อจึงไม่คิดที่จะปิดบังอะไร

“อ้อ อย่างนั้นหรอกหรือดี ดี สามีภรรยาช่วยกันทำมากินเจ้าเองก็เก่งเรื่องเข้าป่าล่าสัตว์ส่วนอิงเอ๋อร์ก็มีฝีมือในเรื่องการทำอาหารเอาไว้ถ้ามีโอกาสข้าจะไปอุดหนุนแต่น่าจะแวะไปซื้อที่บ้านมากกว่าเพราะนานๆ ครั้งถึงจะเข้าตัวอำเภอ ว่าแต่พวกเจ้าจะขนตะกร้ากลับไปกันอย่างไรเล่าให้ข้าช่วยแบกกลับไปบ้างจะดีหรือไม่” เนื่องจากชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะปลูกข้าวปลูกผักขายจึงไม่ได้เข้าไปในตัวอำเภอกันบ่อยนักแต่ก็ยังไปกันเป็นประจำสม่ำเสมอทุกๆ ห้าวันเจ็ดวันแล้วแต่ว่าจะมีผลผลิตอะไรเอาไปขายบ้าง

“เกรงใจพี่ชายเจ้าค่ะ...”

“อย่าปฏิเสธเลยอิงเอ๋อร์เจ้าเองก็ตัวเท่านี้อย่ายกของหนักให้เสียสุขภาพเลยจะดีกว่าเอาเป็นว่าพี่ช่วยแบกกลับไปหนึ่งตะกร้าก็แล้วกันจะเอาไปวางไว้ให้ที่หน้าบ้านเด็กๆ น่าจะไม่ยอมมาเปิดประตูให้อีกตามเคย” อู่เต๋อผู้นี้คุ้นเคยกับบ้านซุนดีจึงพอจะรู้ว่าเมื่อบิดามารดาของเด็กๆ ไม่อยู่บ้านนั้นพวกเขาจะปิดบ้านมิดชิดและเก็บตัวเงียบตามคำสั่งถ้าไม่ใช่บิดามารดามาเรียกไม่มีทางจะออกมาเปิดประตูต้อนรับอย่างแน่นอน

“ขอบคุณพี่เต๋อเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณพี่ชายท่านแบ่งมันในตะกร้าไปกินที่บ้านด้วยนะขอรับเอาไปฝากท่านป้าด้วย” สองสามีภรรยาขอบคุณพี่ชายในหมู่บ้านจากใจจริงอีกทั้งยังไม่ลืมบอกให้เขาหยิบมันอาลูในตะกร้าไปทำอาหารกินที่บ้านและนำไปฝากมารดาซึ่งก็คือท่านป้าอู่ภรรยาของผู้นำหมู่บ้านนั่นเอง

อู่เต๋อเป็นบุตรชายคนที่สองของครอบครัวอู่เขาแต่งงานแล้วอีกทั้งยังแยกเรือนออกมาจากครอบครัวแล้วด้วยแต่ก็เป็นการแยกแค่ที่อยู่ไม่ได้แยกบ้านแต่อย่างใดครอบครัวอู่ยังอยู่ร่มกันเป็นครอบครัวใหญ่เพียงแค่บุตรแต่ละคนนั้นมีเรือนแยกออกไปเป็นของตนเองเท่านั้น

“ขอบใจมากนะ เอาล่ะข้ารีบกลับก่อนดีกว่า”

หลังจากที่พักขุดมันมาจนหายเหนื่อยแล้วซุนคุนเล่อก็พากุ้ยอิงฮวาขึ้นเขาต่อไปอีกหน่อยเพื่อมองหาผักป่าที่พอจะนำไปปลูกหรือเก็บเอาไว้เป็นเสบียงได้แต่ก็เจอแต่เห็ดและก็หน่อไม้นิดหน่อยเหมือนจะไม่มากแต่รวมๆ แล้วมันก็เกือบจะเต็มตะกร้าใบสุดท้ายที่ว่างอยู่เหมือนกัน

“เจ้าเก็บเห็ดเยอะไปหรือไม่อิงเอ๋อร์ของพวกนี้เก็บไว้นานไม่ได้พรุ่งนี้มันก็จะเริ่มเน่าเสียไม่น่ากินแล้ว” เพราะไม่อยากให้อีกคนออกแรงเหนื่อยเกินเหตุเขาจึงเตือนนางอย่างระมัดระวัง

“ท่านพี่ข้าจะนำไปตากแห้งเก็บเอาไว้เจ้าค่ะ เห็ดทุกชนิดตากแห้งได้ทั้งนั้นเวลาจะนำมาปรุงอาหารก็เพียงแช่น้ำทิ้งไว้สักสองเค่อก็ใช้ได้แล้วท่านไม่ต้องห่วงของทุกอย่างที่เก็บไปข้าจะพยายามนำไปถนอมอาหารเอาไว้เพื่อใช้ให้ได้นานๆ เจ้าค่ะ”

“พี่นี่ช่างโง่เขลาลืมไปเลยว่าตัวเองก็เคยค้าขายเห็ดหูหนูตากแห้ง” ซุนคุนเล่อเขินอายกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งนึกได้จนใบหน้าคมคายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ท่านพี่มิใช่คนโง่เจ้าค่ะเพียงแต่ท่านลืมนึกถึงไปเท่านั้นเองในตอนนั้นท่านซื้อขายเห็ดหูหนูแห้งในฐานะของยาสมุนไพรหาได้ค้าขายมันในรูปแบบของวัตถุดิบทำอาหารไม่แปลกหรอกหากจะมองข้ามไป” เรื่องแค่นี้กุ้ยอิงฮวาไม่ปล่อยให้เขาตำหนิว่าตัวเองเป็นคนโง่เพราะไม่รู้คือไม่รู้หรือว่าลืมคิดไปเท่านั้นเขาหาใช่คนโง่เง่าแต่อย่างใด

“นั่นสินะขอบใจเจ้ามากนะอิงเอ๋อร์พอนึกได้แบบนี้แล้วเลยจำได้ว่าขึ้นเขาไปอีกนิดจะมีเห็ดหอมขึ้นอยู่หนาแน่นหากชาวบ้านคนอื่นยังไม่มาเก็บไปเจ้าก็จะได้เห็ดหอมไปตากแห้งอีกมากมายเลยล่ะ”

แล้วซุนคุนเล่อก็พากุ้ยอิงฮวาขึ้นเขาไปอีกราวสองเค่อพานางไปยังแหล่งที่มีเห็ดหอมขึ้นอยู่มากซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีที่วันนี้ชาวบ้านยังไม่ได้เข้ามาเก็บพวกเขาจึงได้เห็ดหอมกลับไปตากแห้งอีกหอบใหญ่ที่แม้จะใส่ตะกร้าได้ไม่พอแต่สามารถนำใบกล้วยป่าห่อกลับมาถึงบ้านได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกดอก