ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม - ตอนที่ 6 ซื้อง่ายขายคล่อง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,รัก,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่

รายละเอียด

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ครอบครัวยากจนแทบอดตายแต่สามีก็วุ่นวายหาลูกมาเพิ่ม

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

หากใครคิดว่าการตายไปคือการได้พ้นทุกข์พิมพ์ลดาขอเรียนให้ทราบว่าทนใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเถิดเพราะชีวิตหลังความตายที่ได้พบเจออาจจะบัดซบยิ่งกว่าเก่าดูจากชีวิตของเธอเป็นตัวอย่างจากแต่เดิมที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ แต่ชีวิตก็มามีอันถึงคราวซวยต้องมารับใช้หนี้นอกระบบที่พี่สาวแท้ๆ เป็นคนก่อแล้วหนีหายเข้ากลีบเมฆไปไม่กลับมา เจ้าหนี้ก็ตามมาทวงอยู่ได้ทุกวันหาเงินมาจ่ายดอกวันละสองพันก็ยังไม่พอทำให้เธอตัดสินใจโดดน้ำตายให้มันจบๆ ไป ลากันทีชีวิตบัดซบซ้ำซาก

แต่ใครมันจะรู้ว่าจะมีชีวิตในโลกหน้าที่รออยู่จากผู้หญิงธรรมดาอายุยี่สิบปลายๆ กลับต้องมามีชีวิตใหม่สวมวิญญาณเข้าร่างเป็นมารดาของบุตรสี่คนและสามีอีกหนึ่งแต่เรื่องที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้นคือกุ้ยอิงฮวาคนนี้เคยมีสามีมาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองคนสามีแรกแก่ง่ายตายเร็วมาก สามีสองยังไม่แก่แต่ก็ชิงตายไปทิ้งมรดกไว้ให้เป็นลูกๆ ที่แสนรู้ความถึงสองคนส่วนสามีคนที่สามนั้นนางจัดการรวบตึงเอาไว้เพราะอยากให้ในครอบครัวมีผู้ชายช่วยปกป้องดูแลแต่อยู่มาไม่ทันไรเขาก็สร้างเรื่องไปอุ้มเด็กกลับมาบ้านให้นางเลี้ยงอีกแล้วหรืองานนี้ก็ต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

หมายเหตุ

นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

คำเตือน

              นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอาจทำให้คุณนักอ่านไม่สบายใจนะคะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 1 ตายแล้วเกิดใหม่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 2 รับบทคุณแม่ลูกสี่,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 3 วิถีชาวบ้าน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 4 หาลู่ทางทำอาชีพเสริม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 5 ชีวิตแม่ค้า,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 6 ซื้อง่ายขายคล่อง,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 7 เจ้ามันก็แค่ฮูหยินตกอับ,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 8 ระราน,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 9 ของกินเล่น,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 10 ทาบทาม,สตรีผู้นี้มีลูกสี่สามีสาม-ตอนที่ 11 ลักพาตัว ปลดเหรียญอ่านฟรี 25 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 2 พฤษภาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 6 ซื้อง่ายขายคล่อง

หนึ่งวันก่อนการเปิดร้านขายอาหารกุ้ยอิงฮวาตื่นเต้นมากถึงขนาดจัดข้าวของใส่รถเข็นเอาไว้ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วก็วนเวียนตรวจสอบอยู่อย่างนั้นจนสามีและลูกๆ บอกว่าทุกอย่างมันเรียบร้อยแล้วจริงๆ นางจึงยอมวางมือหันไปสนใจวัตถุดิบที่จะใช้กับข้าวอย่างอื่นๆ

วันแรกกับข้าวที่นางตั้งใจจะขายคือผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้โดยถั่วงอกนั้นนางสอนให้ลูกๆ ช่วยเพาะขึ้นจากถั่วเหลืองจึงได้ถั่วที่มีต้นอวบอ้วนและหวานกรอบ ผัดเห็ดรวมใส่น้ำมันพริกและฟองเต้าหู้อย่างสุดท้ายคือเนื้อไก่ป่าสับผัดขิงใส่หน่อไม้เส้นที่แน่นอนว่าจะต้องเห็นเส้นหน่อไม้และขิงมากกว่าเนื้อไก่

โชคดียิ่งนักที่ในหมู่บ้านมีท่านป้าจิวขายเต้าหู้กุ้ยอิงฮวาจึงสั่งซื้อเต้าหู้ที่ทำสดใหม่มาผัดขายและยังซื้อน้ำนมถั่วเหลืองที่ท่านป้าเตรียมเอาไว้ทำเต้าหู้มาต้มทำฟองเต้าหู้ตากแห้งเก็บสะสมเอาไว้ใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารได้อีก

ข้าวของที่จะใช้ทั้งหมดนั้นบรรจุไว้ในรถเข็นแบบพิเศษที่ใช้เป็นตู้เก็บของได้ในตัวได้พอดิบพอดีนอกจากนี้ยังสามารถใส่ของใช้ส่วนตัวของเจ้าแฝดเข้าไปด้วยได้จึงไม่ต้องกังวลใจว่าลูกชายจะไปทำเลอะเทอะอะไรนอกบ้านเพราะนางเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มาพร้อมแล้ว

“พวกเจ้ามาแล้วเหรอ มาๆ ข้าตั้งเก้าอีกให้ที่หน้าร้านแล้ว” เถ้าแก่เหมียวเป็นคนเห็นครอบครัวของซุนคุนเล่อก่อนเพราะตนเองออกมาดูแลความเรียบร้อยที่หน้าร้านจึงรีบเข้ามาทักทายต้อนรับ

“ขอบคุณขอรับเถ้าแก่” ซุนคุนเล่อค้อมกายเป็นการทักทายผู้อาวุโสด้วยความสุภาพ

“คารวะเถ้าแก่เหมียวเจ้าค่ะ” กุ้ยอิงฮวาทักทายผู้อาวุโสเมื่อเด็กๆ เห็นเข้าก็ทำตามอย่างรู้ความอีกทั้งยังสอนน้องๆ ที่ตนเองจูงอยู่ให้ทำความเคารพผู้อาวุโสด้วย

“ดี ดี ลูกๆ ของเจ้าช่างรู้ความยิ่งนักเรียกข้าว่าท่านปู่เถิดไม่ต้องมากพิธีหากพวกเจ้าไม่อยากอยู่ข้างนอกนี่ก็ชวนกันไปนั่งด้านในได้นะปู่มีที่พักให้เจ้ากับน้องๆ” เถ้าแก่เหมียวแห่งร้านค้าข้าวไม่ได้รบกวนเวลาของครอบครัวซุนมากนักเมื่อทักทายไถ่ถามกันแล้วก็เดินไปทำงานทำการของตนเองต่อ

“เด็กๆ นั่งรอแม่อยู่ตรงนี้นะ” เมื่อจัดที่ทางให้ลูกๆ นั่งลงบนผ้าที่เตรียมมาอยู่ด้านหลังรถเข็นเรียบร้อยแล้วกุ้ยอิงฮวาก็จัดการนำถาดใส่อาหารที่ปิดฝามาเป็นอย่างดีออกมาวางไว้บนรถเข็นที่ต่อจากนี้จะทำหน้าที่ต่างโต๊ะขายของส่วนซุนคุนเล่อก็กำลังขยับเก้าอี้เรียงไว้ข้างๆ รถเข็นแต่ไม่ให้บังหน้าร้านของตนเองและร้านของเถ้าแก่เหมียวมากจนเกินไปนัก

อันที่จริงทีแรกกุ้ยอิงฮวาสั่งเก้าอี้มาเผื่อลูกๆ แต่คิดได้ว่าเจ้าแฝดกำลังซุกซนชอบปีนชอบป่ายให้นั่งพื้นไปจะปลอดภัยมากกว่าการนั่งเก้าอี้ที่สูงกว่าตัวของพวกเขานางจึงเตรียมผ้ามาปูให้ลูกๆ นั่งเล่นด้วย

“ท่านปู่เจ้าคะท่านแม่ให้เซินเอ๋อร์นำกับข้าวมาให้แทนคำขอบคุณที่ท่านปู่เมตตาให้ยืมพื้นที่หน้าร้านขายอาหารเจ้าค่ะ” ไก่ผัดขิงชามใหญ่ถูกเถียนซานเซินยกเข้าไปให้ท่านปู่เหมียวข้างในร้านพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่มารดาสั่งสอนมาเป็นอย่างดีในเมื่อผู้อาวุโสไม่รับเงินค่าเช่านางจึงต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีนี้

“พ่อกับแม่เจ้าก็หาทางจะตอบแทนกันให้ได้สินะเอาละปู่จะรับไว้ขอบใจเจ้ามากนี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าจะถือโอกาสชิมฝีมือของมารดาเจ้าเลยก็แล้วกัน น้ำแกงใส่มันอาลูครั้งก่อนแม้จะแปลกตาแต่รสชาติของมันอ่อนละมุนมากปู่ซดเสียเกลี้ยงชามเลยทีเดียว” เถ้าแก่เหมียวกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความชื่นชม

“ท่านแม่ทำอาหารอร่อยนักเจ้าค่ะน้องแฝดที่เคยผ่ายผอมยังกลายเป็นก้อนแป้งที่อวบอ้วนได้ในเวลาไม่นาน เซินเอ๋อร์รบกวนเวลาท่านปู่แค่นี้ดีกว่าเจ้าค่ะต้องกลับไปช่วยท่านแม่ดูแลน้องๆ แล้ว”

“ไปเถิดขายดิบขายดีนะ”

ที่หน้าแผงขายข้าวแกงของกุ้ยอิงฮวาแม้จะตั้งร้านเสร็จมาสักพักแล้วแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาอุดหนุนมีแต่คนเดินเข้ามาด้อมๆ มองๆ ไถ่ถามแล้วก็เดินจากไปแต่กระนั้นคนที่ทำใจมาจากบ้านแล้วก็ไม่ย่อท้อรีบตักอาหารเป็นคำเล็กๆ ใส่กระทงใบไม้ที่เสียเวลาเตรียมมาให้ชาวบ้านได้ลองลิ้มชิมรสในทันที

“แวะมาลองชิมก่อนได้นะเจ้าคะหากว่าอร่อยค่อยซื้อหากลับไป” กุ้ยอิงฮวายืนแจกรอยยิ้มและเชิญชวนลูกค้าอยู่ที่หน้าร้านส่วนซุนคุนเล่อก็ยืนร้องเรียกลูกค้าอยู่อีกฝั่งเช่นเดียวกันแม้ในช่วงแรกเขาจะไม่ค่อยกล้าแต่เมื่อเห็นภรรยาทำได้จึงพอรวบรวมความกล้าแล้วทำตามอย่างนางบ้าง

“เซินเอ๋อร์ปู่เอาชามกับข้าวมาคืนแล้วนี่แม่เจ้ามีกับข้าวอะไรขายอีกบ้างปู่จะซื้อทั้งหมดเลย” ชิมไก่สับผัดขิงหน่อไม้ไปได้ไม่กี่คำภรรยาที่เพิ่งออกมาถึงร้านพร้อมอาหารเช้าก็มาขอชิมบ้างจากนั้นก็ไล่ให้ตาเฒ่าผู้เป็นสามีออกมาซื้ออาหารอย่างอื่นกลับเข้าไปด้วยเพราะจะนำไปให้บุตรชายที่ทำงานอยู่ที่ร้านอีกสาขาได้ลองชิม

“ขอบคุณท่านปู่เจ้าค่ะท่านแม่ยังมีถั่วงอกผัดเต้าหู้กับเห็ดผัดฟองเต้าหู้น้ำมันพริกอีกหนึ่งอย่างเจ้าค่ะเซินเอ๋อร์จะรีบไปบอกท่านแม่ให้” เด็กหญิงยิ้มหวานระหว่างรับชามคืนกลับมาจากท่านปู่ซึ่งนอกจากชามของมารดาแล้วก็ยังมีชามใหม่อีกสองใบสำหรับซื้อกับข้าวเพิ่มด้วย

“อาหารร้านของแม่นางผู้นี้อร่อยจริงๆ หรือขอรับเถ้าแก่” เป็นชาวบ้านที่ยืนสังเกตการณ์อยู่แถวนั้นที่ทำใจกล้าถามขึ้นมาก่อนแม้อาหารบนรถเข็นจะมีสีสันน่ารับประทานแต่เขาก็ไม่อยากถูกหน้าตาของมันหลอกล่อ

“อร่อยสิไก่ผัดขิงหน่อไม้นั้นรสชาติกลมกล่อมมากแต่อาหารอีกสองอย่างข้ายังไม่ได้ชิมจึงไม่รู้แต่คาดว่าคงอร่อยไม่ต่างกันแต่ก่อนหน้านี้ข้าเคยมีโอกาสได้กินกับข้าวของหลานสาวมาแล้วนางเป็นแม่ครัวที่มีฝีมือยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยทีเดียว” เถ้าแก่เหมียวพูดออกมาตามความจริง

“ท่านปู่ ท่านลุงขอรับอาหารของมารดาข้าอร่อยยิ่งนักถั่วงอกต้นอวบนั้นพวกข้าก็ปลูกเอง น้ำมันพริกที่ใช้ผัดท่านแม่ก็ปรุงเองกับมือมีรสเผ็ดเพียงเล็กน้อยแต่ให้กลิ่นหอมที่ชวนให้อยากอาหารขอรับ” เสี่ยวซูที่นั่งเล่นกับน้องแฝดอยู่ฉวยโอกาสที่มีคนพูดถึงอาหารฝีมือท่านแม่อธิบายเพิ่ม

“อย่างนั้นหรือมารดาเจ้ามีความสามารถยิ่งนักเอาล่ะลุงจะลองชิมสักชามหากอร่อยดังที่เจ้าว่าลุงจะขอเลี้ยงขนมถังหูลู่เจ้าหนึ่งไม้” ท่านลุงแปลกหน้ายอมเดิมพันกับเด็กน้อยหลังจากที่ยืนดูสถานการณ์มานานแล้ว

ข้าวหนึ่งชามราดกับข้าวสองอย่างกุ้ยอิงฮวาขายในราคาเพียงห้าอีแปะหรือว่าห้าเหรียญทองแดงเป็นราคาที่ชาวบ้านทั่วไปยังจ่ายได้สำหรับอาหารหนึ่งมื้อเผลอๆ ข้าวหนึ่งชามนี้ยังอิ่มกว่าซาลาเปาไส้เนื้อหนึ่งลูกที่ขายในราคาเท่ากันด้วยซ้ำไปและเมื่อมีลูกค้ารายแรกเข้ามาลองซื้อแล้วย่อมมีรายที่สองและสามตามมาเพียงไม่นานเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้าทั้งสิบห้าตัวก็ถูกจับจองจนเต็มจึงมีบางส่วนที่ต้องยืนกินอยู่ข้างๆ รถเข็นนั่นเอง

“ข้ารีบกลับมาแทบแย่กลัวว่ากับข้าวจะขายหมดก่อน ฮูหยินข้าขอซื้อกับข้าวทุกอย่างกลับบ้านใส่ปิ่นโตนี้ได้เลย” เขาคือลูกค้าคนแรกที่ยอมซื้ออาหารรับประทานพร้อมทั้งเดิมพันกับบุตรชายของกุ้ยอิงฮวาที่ท่าจะลืมไปแล้วเพราะตอนนี้เถียนซานซูหันไปช่วยบิดารับชามข้าวเปล่าจากลูกค้ามาเก็บในถังที่เตรียมมาจากบ้าน

“กับข้าวชามละห้าอีแปะนะเจ้าคะข้าจะตักให้หนึ่งชามประมาณนี้” กุ้ยอิงฮวาตักกับข้าวใส่ชามหนึ่งใบให้ลูกค้าได้ดูก่อน

“ได้ๆ ตักมาเลยอย่างละสองชามข้าจะเก็บเอาไว้กินกันกับครอบครัว ส่วนนี่เป็นถังหูลู่ของเด็กน้อยลุงซื้อมาให้เจ้าตามสัญญาแล้วอาหารของมารดาเจ้าอร่อยดังที่คำเจ้าว่าจริงๆ” กับข้าวอย่างละสองชามนี้มื้อเดียวลูกๆ ทั้งสี่คนของเขาก็กินหมดแล้วด้วยแต่ละคนกำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนและเขาก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมมาฝากเด็กน้อยบุตรชายของแม่ค้าตามคำสัญญาด้วย

“ได้เจ้าค่ะ เสี่ยวซูอย่าลืมขอบคุณท่านลุงด้วยเล่า”

“ขอบคุณท่านลุงขอรับ พรุ่งนี้อย่าลืมมาอุดหนุนท่านแม่ของข้าอีกนะ” แม้จะไม่ใช่คนช่างพูดแต่เวลาได้พูดแล้วเด็กชายก็พูดจาได้ฉาดฉานน่าฟังยิ่งนัก

“ได้ ได้ลุงจะพยายามมาอุดหนุนบ่อยๆ ที่บ้านลุงเองก็มีพี่ชายพี่สาวอยู่หลายคนพวกเขาจะต้องชอบอาหารฝีมือมารดาเจ้าเช่นเดียวกับลุงแน่”

หลังจากรับขนมถังหูลู่มาแล้วเถียนซานซูก็แบ่งให้พี่สาวกินไปก่อนหนึ่งลูกจากนั้นก็นั่งบิขนมออกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ปากน้องแฝดบ้างผลซานจาเปรี้ยวๆ ที่เคลือบด้วยน้ำตาลรสหวานเป็นรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับเจ้าแฝดแต่พวกเขาน่าจะชอบมากเพราะทำปากจ๊อบๆ แจ๊บๆ ขอกินกันไม่หยุด

เมื่อมีคนมาซื้อแต่กับข้าวกลับบ้านแล้วก็มีลูกค้าคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาถามราคากับข้าวอย่างเดียวอีกหลายรายจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปเอาปิ่นโตที่บ้านหากว่าอยู่ใกล้แต่บางคนก็ขอให้ตักกับข้าวและจ่ายเงินจองไว้ที่ร้านก่อนเพื่อจะได้มีเวลาไปหาภาชนะมาเปลี่ยนถ่าย

วันแรกของการขายข้าวแกงนั้นใช้เวลาไปเพียงหนึ่งชั่วยามกับอีกสองเค่อเท่านั้นกับข้าวที่เตรียมมาก็หมดเกลี้ยงทุกถาดจะเหลือเพียงแค่ข้าวอีกเล็กน้อยเท่านั้นเองแต่นั่นไม่เป็นปัญหาเพราะยังสามารถเก็บไปรับประทานกันเองได้

“เป็นอย่างไรบ้างชายหมดแล้วอย่างนั้นหรือ” ระหว่างที่กำลังช่วยกันเก็บของและทำความสะอาดหน้าร้านให้เรียบร้อยท่านย่าเหมียวหรือฮูหยินเหมียวก็ออกมาพูดคุยกับกุ้ยอิงฮวาและเด็กๆ

“หมดแล้วขอรับท่านย่า”

“ดียิ่งนักอาหารอร่อยผู้คนก็ย่อมมาอุดหนุนกันเป็นธรรมดาพรุ่งนี้ถ้ามารดาเจ้ามาขายกับข้าวช่วยบอกให้นางตักกับข้าวใส่ปิ่นโตให้ย่าด้วยได้ไหมย่าจะเอาไปฝากท่านอาที่ร้านค้าอีกแห่งหนึ่งส่วนนี้มิได้รวมกับที่ท่านปู่จะซื้อทุกวันหรอกนะ” ฮูหยินเหมียวเพียงต้องการมาจองกับข้าวเอาไว้ให้บุตรชายกับลูกสะใภ้เพราะนานๆ ทีจะมีคนมาขายอาหารอร่อยๆ ให้ได้กินอีกอย่างหนึ่งคือนางจะได้เบาแรงในการทำกับข้าวมื้อเช้าและมื้อกลางวันไปด้วยเลย

“ได้ขอรับเสี่ยวซูขอบคุณท่านย่า น้องแฝดพูดขอบคุณท่านย่าเสียสิ”

“ขอบคุง ท่างย่า” ฝาแฝดเสี่ยวอวี้และเสี่ยวอิงที่ตอนนี้พูดได้หลายคำแล้วอีกทั้งยังชอบทำเลียนแบบพี่ชายพี่สาวยิ่งนักทั้งพูดและทำท่าทางโค้งศีรษะตามที่เห็นเถียนซานซูทำอย่างว่าง่าย

“น่ารักยิ่งนักเจ้าเด็กพวกนี้ เอาล่ะย่าไม่กวนพวกเจ้าแล้วกลับบ้านกันดีๆ อย่าเล่นซนกันนักนะ” แม้จะอยากอุ้มเจ้าก้อนแป้งมากอดฟัดแต่เพราะยังไม่ได้ขอบิดามารดาของเด็กๆ ก่อนผู้อาวุโสจึงไม่กล้าทำตามใจตัวเองนางจึงได้แต่มองพวกเขาและยิ้มให้จากนั้นก็เดินกลับเข้าร้านไปช่วยสามีดูแลความเรียบร้อยของคนงานและทำการค้าขายต่อ