ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็ บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล - บทที่ 1 ข้าพบเจ้าแล้ว โดย PinkyPaw @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ย้อนยุค,แวมไพร์,ปีศาจแห่งความมืด,ปีศาจ,สงคราม,ฆาตกรรม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ตะวันตก,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,แฟนตาซี,ย้อนยุค,แวมไพร์,ปีศาจแห่งความมืด,ปีศาจ,สงคราม,ฆาตกรรม

รายละเอียด

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล โดย PinkyPaw @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็ บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

ผู้แต่ง

PinkyPaw

เรื่องย่อ

คำโปรย

ไม่มีใครชอบเวลาโดนหลอก

แต่หากว่าการถูกหลอก ทำให้รู้สึกเหมือนหลงทางในห้วงฝันหวาน ยามอยู่บนที่นอนนุ่มสบายแล้วละก็

บางที..การตื่นขึ้นมารับความเป็นจริง ก็อาจมิใช่สิ่งที่น่าปรารถนาอีกต่อไป

หลังจากลืมตามาดูโลกได้ไม่กี่ปี ‘ลีน่า’ บังเอิญพบราชาปีศาจผู้เป็นอมตะ ‘อัมบรูส’ 

นางสมควรกลัวเขา สมควรรังเกียจและผลักไส ไปให้ไกลจากเขา

ทว่าเพราะเวทมนตร์ โชคชะตา และความหลงใหล ทำให้นางไม่อาจต่อต้านอำนาจรัก

ต่อให้รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกต้องห้าม หรือต่อให้เขาจะทำเรื่องโหดร้ายขนาดไหน 

แต่..ใจมันก็อดประหวัดถึงคนผู้นั้นไม่ได้จริง ๆ

...

คุยกับไรท์

สวัสดีทุกท่านค่ะ

ก่อนกดเข้าไปอ่าน เราอยากชวนคุยสักนิด ชี้แจงสักหน่อย 

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ เราเขียนตอนที่รู้สึกคิดถึงอารมณ์รักโรแมนติก เหมือนตอนที่หัดเขียนนิยายเรื่องแรกเมื่อหลายปีก่อน 

ตอนนั้นเราเขียนด้วยความอยากปลดปล่อยจินตนาการตามประสาเด็ก ซึ่งรู้ว่าถึงพยายามยังไงตอนนี้ก็ไม่มีทางกลับไปมีความรู้สึกอันน่าคิดถึงแบบนั้นได้

แต่สุดท้ายก็แต่งนิยายเรื่องนี้ออกมา ถึงเป็นแนวเรียบง่าย เล่นกับความรักสุด classic ที่มีความแฟนตาซีแต่ไม่หวือหวา กระนั้นก็ยังพอเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปนานได้บ้าง

หวังใจว่าจะมีรี้ดสักคนที่หลงรักนิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกับเรา และหวังว่านิยายเรื่องนี้จะช่วยเป็นความผ่อนคลายของใครได้นะคะ

ปล. นิยายเรื่องนี้มี e-book แน่นอนค่ะ ไว้เปิดขายแล้วจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกทีนะคะ

...

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรง ทั้งการฆ่า และการกระทำโหดร้ายทารุณอื่น ๆ ของตัวละคร 

ทั้งนี้ ผู้แต่งไม่มีเจตนาพาดพิงถึงเรื่องความเชื่อตามศาสนาใดทั้งสิ้น และไม่ได้อิงหลักกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ของสังคมยุคไหนอย่างเฉพาะเจาะจง เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากจินตนาการเพียงเท่านั้น ขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

...

นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำละเมิดอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น

...

ช่องทางติดตามไรท์

tiktok : @itspinkypaw

X : @itspinkypaw

สารบัญ

The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 0 แด่ท่าน,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 1 ข้าพบเจ้าแล้ว,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 2 ท่านพ่อเข้มงวด กับเจ้านายใจดี,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 3 สมบัติในโลงศพ,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 4 เด็กดื้อมักฉลาด,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 5 ลูกบุญธรรม,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 6 พ่อบุญธรรม,The myth night ปกรณัมแห่งห้วงรัตติกาล-บทที่ 7 มอร์ทิส

เนื้อหา

บทที่ 1 ข้าพบเจ้าแล้ว

“แฮ่ก..แฮ่ก..”

เสียงหอบหายใจแรงนั้น เป็นของเด็กที่กำลังวิ่งไปบนถนน ท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด

ความหวาดกลัวบีบรัดหัวใจนางเสียแน่น ยิ่งได้ยินเสียงตามมาข้างหลัง เท้าเล็กก็ยิ่งเร่งความเร็วสุดกำลังเท่าที่จะทำได้

“เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือ”

เสียงของบุรุษผู้นั้นฟังเยียบเย็นเสียยิ่งกว่าสายลมที่กรีดผิว ได้ยินเพียงไกล ๆ ก็ทำเอาขนลุกจนแทบก้าวขาไม่ออก

ทว่านางไม่อาจหยุดวิ่ง ขณะที่เขาเองก็ไล่ตามอย่างไม่ลดละ 

“อย่าตามข้ามานะ!” เด็กน้อยหลับตาแน่นข่มความกลัว 

“โอ.. เจ้ากล้าหาญขนาดห้ามข้าเชียวหรือ”

มิมีผู้ใดกล้าหาญถึงเพียงนั้นหรอก 

เมื่อหันไปมอง นางเห็นเพียงเงาร่างอันกลมกลืนกับทิวทัศน์ดำสนิท แต่รู้ว่าเขาคือตัวตนที่ผู้คนขนานนามว่า ‘ราชันแห่งรัตติกาล’

นางเห็นอยู่ชัด ๆ ครู่ก่อนนี้ บุรุษปริศนาผู้นั้นกัดคอดื่มด่ำกับเลือดสดจากร่างบิดามารดาของนาง

ย้อนกลับไป..ช่วงเวลาก่อนหน้า ไม่ทราบว่าเป็นโมงยามใด

ครอบครัวพรานป่าอาศัยอยู่ในกระท่อมใกล้เชิงเขา ประกอบด้วยพ่อแม่และลูกสาวหนึ่งคน 

วันนี้พ่อออกไปล่าสัตว์ถึงไหนไม่ทราบ จันทราหวนสู่ฟ้าแล้วก็ยังไร้เงาคนกลับมา

เมื่อตอนหัวค่ำ แม่ก็ออกตามหา สั่งลูกสาวว่าให้รออย่างใจเย็น

แต่ใครจะไปใจเย็นได้..

“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านอยู่ไหน!”

ด้วยความเป็นห่วง เด็กน้อยวัยห้าขวบจึงออกไปเรียกหา 

ตะเกียงในมือแทบจะใหญ่กว่าแขนของนาง ทว่ายามแสงเทียนส่องไปกลับพ่ายแพ้ให้ความมืดรอบกาย 

ธรรมชาติน่ากลัวเสมอ โดยเฉพาะกับเด็กตัวเล็ก ๆ มือสั่นเทากระชับเสื้อคลุมเก่าขาดให้แน่นขึ้น ก้าวต่อไปด้วยหัวใจเต้นระทึก

ยิ่งความเงียบสงัดนี้ปกคลุมตัวนาง หัวใจก็ยิ่งสั่นระรัว

“ท่าน..”

ตอนที่คิดจะตะโกนเรียนอีกครา หูนางได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียบย่างในระยะไม่ไกล ดวงตาสอดส่ายมองหาเงาคนตามทิศเสียงทันที

“พวกท่านอยู่นั่นหรือ ข้าก็คิดว่า…”

ความใสซื่อพาเด็กน้อยก้าวไป นางกล่าวอย่างโล่งใจ

แต่น่าเสียดาย.. สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาไม่ใช่บิดาหรือมารดาของนาง

ไม่สิ… สมควรกล่าวว่าเป็นพวกเขานั่นแหละ แต่อยู่ในสภาพร่างไร้วิญญาณ

แล้วผู้ที่ทำให้กลายเป็นศพ ก็คือชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง กายของเขาปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำยาว ใบหน้าขาวซีดที่ต้องกระทบแสงจันทร์นั่นดูหล่อเหลาหาใดเปรียบ

แต่เสน่ห์อันร้ายกาจนั่น จะลบล้างความน่ากลัวของเขาได้หรือ

“กรี๊ด!!!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับที่ตะเกียงของนางร่วงลงพื้น และดับแสงไป

ขณะนั้น ทางฝั่งชายหนุ่มเพียงยืนมองนิ่งงัน เลือดสดที่ไหลออกจากปากเขาหยดลงเปรอะผ้าคลุมสีเดียวกับท้องฟ้าคืนไร้ดาว มันช่างดูกลมกลืนราวกับรอยเลือดนั้นไม่เคยมีอยู่

“ข้าพบเจ้าแล้ว”

ตุบ..

มือใหญ่ซีดเซียวทิ้งศพหญิงสาวให้ไปนอนข้างศพสามี ก่อนขายาว ๆ คู่นั้นจะก้าวเข้ามาอย่างไม่เร่งไม่ร้อน

แต่เพียงได้ยินเสียงฝีเท้าเนิบช้าแทรกผ่านม่านความมืด ก็ชวนใจหวิวกายผวา ราวกับร่วงหล่นสู่หุบเหวไร้ก้นบึ้ง

ดวงตาของเด็กน้อยที่จ้องตอบสั่นไหว คลื่นน้ำใสเอ่อท้นอย่างไม่อาจห้าม 

ยิ่งตอนที่ได้เห็นดวงตาเบิกกว้างแทบถลนของสองศพตรงนั้น ลมหายใจของนางก็ยิ่งตีบตัน

ในที่สุด ร่างกายก็เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ..คือวิ่งหนีสุดชีวิต

จนกระทั่งตอนนี้ เด็กน้อยก็ยังไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย มันเหมือนกับที่คนเราใช้แรงเฮือกสุดท้าย หนีมหันตภัยที่คืบคลานเข้ามา

บุรุษด้านหลังถูกเรียกว่าเป็นมหันตภัยสำหรับเผ่ามนุษย์จริง ๆ …เพราะเขาคือแวมไพร์

“พระเจ้า หากท่านมีจริง ได้โปรดช่วยลูก..ลูกไม่ขอสิ่งใดอีกแล้ว”

ทั้งที่ลำคอแห้งผาก เสียงแทบไม่มี นางก็ยังวิงวอนต่อพระเจ้าอย่างเปี่ยมศรัทธา

“พระเจ้าไม่เคยมีจริงหรอกเด็กน้อย”

ทว่าเสียงที่ตอบกลับมามีเพียงจากผู้ไล่ตามเท่านั้น

“เหยื่อทุกคนของข้าร้องหาพระเจ้ากันทั้งนั้น เรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้กระมัง”

ยิ่งฟังขวัญก็ยิ่งกระเจิง ชีวิตอันแสนสั้นที่พึ่งจะลืมตามาดูโลกได้ไม่กี่ปีของนาง จะต้องจบลงเพียงเท่านี้หรือ

ไม่เพียงความหวาดหวั่นที่กุมจิต ทั้งความสิ้นหวัง โศกศัลย์เหลือคณา ต่างร่วมถาโถมใส่นาง

ทางหนีจากชายคนนั้นจะมีที่ไหนอีก…ในความมืดนี้ ต่อให้พยายามมองหาแสงสว่างก็ราวกับหลับตาวิ่งอยู่ดี

“กรี๊ดดด!!!!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นหนสุดท้าย

ทว่า..มิใช่จากฝีมือของแวมไพร์

ตอนนี้ร่างเล็กเบื้องหน้าหายไปแล้ว หรือจะกล่าวให้ถูกคือนางร่วงหล่นจากหน้าผา กลิ้งไถลไปกับพื้นอย่างน่าสงสาร

โชคยังดี ไม่ทันที่จะเกิดบาดแผลสาหัส ราตรีรอบกายนางก็ห่อหุ้มร่างนี้เอาไว้เสียก่อน

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”

อุ้งมือแห่งราตรีนี้เป็นของเขาเอง ยามที่เด็กน้อยลอยเข้าสู่อ้อมแขน ดวงตาสีเงินกระจ่างทอดมองอย่างห่วงหาไร้สิ้นสุด

แวมไพร์ที่กัดกินเลือดเนื้อมนุษย์ยามวิกาล ควรจะพรากเอาลมหายใจอันรวยรินของนางไปเช่นกัน

หากเขาอยากจะทำละก็…