"ทุกอาชีพมีด้านสว่างและด้านมืด เบื้องหลังความรุ่งเรือง คือเงามืดที่ไม่มีใครอยากพูดถึง... นี่คือเรื่องราวที่ไม่มีใครบอกคุณ จนกว่ามันจะสายเกินไป"

Barbaric (อ)ยุติธรรม - 1/3 หมอ โดย rattikan @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,เรื่องสั้น,ดาร์ค,เรื่องสั้น,อาชญากรรม ,ดาร์ค,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดาร์ก ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Barbaric (อ)ยุติธรรม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

อาชญากรรม,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,เรื่องสั้น,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เรื่องสั้น,อาชญากรรม ,ดาร์ค,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,อาชญากรรม,ดาร์ก

รายละเอียด

Barbaric (อ)ยุติธรรม โดย rattikan  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ทุกอาชีพมีด้านสว่างและด้านมืด เบื้องหลังความรุ่งเรือง คือเงามืดที่ไม่มีใครอยากพูดถึง... นี่คือเรื่องราวที่ไม่มีใครบอกคุณ จนกว่ามันจะสายเกินไป"

ผู้แต่ง

rattikan

เรื่องย่อ

คำเตือน 

"คำเตือน: นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่สะท้อนความจริงด้านมืดของอาชีพต่าง ๆ ซึ่งอาจมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง การคอร์รัปชัน และความอยุติธรรม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน"

Warning 

"Warning: This novel contains content that exposes the dark sides of various professions, including violence, corruption, and injustice. Reader discretion is advised."

ตัวละคร องค์กร สถานที่ อาชีพ เหตุการณ์ต่างๆ ในนิยาย เป็นเพียงเรื่องแต่ง ที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น ไม่มีเจตนา หมิ่นประมาณ ดูถูกหรืออย่างไร

สารบัญ

Barbaric (อ)ยุติธรรม-1/3 หมอ,Barbaric (อ)ยุติธรรม-2/3 หมอ,Barbaric (อ)ยุติธรรม-3/3 หมอ

เนื้อหา

1/3 หมอ


โรงพยาบาลรัฐบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

วีวอ วีวอ วีวอ

“คุณหมอคะ มีคนไข้ของคุณหมอเข้ามาด่วนด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ(Myocarditis)ค่ะ เป็นเด็กผู้ชายอายุ13ปี เจ็บหน้าอกแล้วเป็นลมหมดสติไปค่ะ”เสียงจากพยาบาลสาวเข้ามาแจ้งอาการของผู้ป่วยประจำตัวของหมอกิตติด้วยอาการเร่งรีบในช่วงบ่ายของวัน

   หมอกิตติที่กำลังพักผ่อนในห้องพักรับรองหมอ ในวันที่ต้องเข้าวอร์ดต่อจากเวรค่ำเมื่อวานลากยาวมาจนถึงเวรบ่ายของอีกวัน จากตอนแรกที่กำลังพักสายตาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีจากนั้นก็รุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อสุขภาพแล้วเดินออกจากห้องไปเพื่อรับเคสของตนด้วยหน้าบุญไม่รับ

   เมื่อหมอกิตติมาแล้วก็ได้ดูอาการจากชาร์จที่นางพยาบาลยื่นมาให้ ในคืนที่มีผู้ป่วยเข้ามาอย่างไม่มีหยุด และมีบุคคลากรไม่เพียงพอตามต้องการ แม้จะอยู่ในตัวเมืองก็ตาม

   เด็กชายที่ป่วยด้วยโรคภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis)ตั้งแต่กำเนิดต้องประทานยาเป็นประจำทุกเดือนไม่ให้ขาด ซึ่งได้เดินทางมาโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งนี้เป็นประจำเพราะเป็นแห่งเดียวที่ใกล้ที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเหมือนครั้งนี้แต่ก็ต้องแลกมากับค่ารักษาที่มากโขขึ้นจากค่าใช้จ่ายประจำวัน ด้วยฐานะเป็นแค่ชาวนาทั้งผัวเมียหาเช้ากินค่ำ เสื้อผ้าขาดหลุ่ย เนื้อตัวดำคล้ำจากการตากแดดเป็นเวลาหลายปี มือเหี่ยวย่นจากการไม่ได้ดูแลตัวเองเท่าเมื่อก่อน บางมื้อไม่มีอะไรตกถึงท้องด้วยสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ห่วงโซ่อาหารที่ต่ำสุดที่เสียเปรียบทำอะไรไม่ได้มากนัก

“ไปทำอะไรมาอีกแล้ววะไอเด็กนี่ เออ ตอนนี้หมดสติอยู่รีบให้ออกซิเจน ตรวจเลือดและเอาECG(เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ)มาเลย” หมอกิตติบ่นพึมพัมคนเดียวแต่เสียงไม่เบาถึงขนาดพ่อและแม่ของผู้ป่วยได้ยินก่อนสั่งให้นางพยาบาลเมื่อเห็นว่าตอนนี้เด็กยังคงอาการไม่ดีขึ้น

“เอ่อค่ะ ตอนนี้ตรวจเลือดไปแล้วค่ะหมอกำลังรอผล จะเอาECGมาเดี๋ยวนี้ค่ะ”

   พ่อและแม่เด็กที่ทำอะไรไม่ได้เมื่อเคยเรียกร้องพฤติกรรมแบบนี้ไปทางโรงพยาบาลไปแล้วแต่กลับเงียบเฉยไม่มีการตอบโต้ใดใดอีก เมื่อรับปากว่าจะตักเตือนให้และมารู้ทีหลังว่าหมอกิตติที่เป็นหมอประตัวลูกชายเป็นลูกของคณะกรรมการโรงพยาบาลอีกด้วย ถ้าเปลี่ยนโรงพยาบาลที่นอกจากต้องเดินทางไกลอีกเป็นสิบกิโลเมตรและจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นจากเดินด้วยเพราะมีอุปกรณ์ครบมือมากกว่ารวมถึงบุคคลากรก็ด้วย ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้เศรษฐกิจดีขึ้นเร็วๆ พวกเธอจะได้ไปจากโรงพยาบาลนี้เสียที

   เมื่อนางพยาบาลเข็นเครื่องอุปกรณ์การแพทย์มาแล้วก็รีบติดแผ่นแม่เหล็กขนาดเล็กลงไปตามตัวในบริเวณหน้าอกของเด็กก่อนนางพยาบาลจะคอยดูค่าสถานะที่แสดงขึ้นบนเครื่อง

   จู่ๆ ก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นที่บริเวณทางเข้าห้องฉุกเฉินเป็นกลุ่มวัยวุ่นชายประมาณยี่สิบกลางๆ แต่งตัวดูดีมีฐานะ หน้าตาดีเข้ามาตามๆ กัน แต่มีคนหนึ่งที่หมอกิตติให้ความสนใจมากกว่าเป็นพิเศษโดยมีสภาพเลือดท่วมตัว มีมือข้างซ้ายที่กุมเลือดที่ไหลออกมาที่ศีรษะ และมีมือขวาที่กุมขาเอาไว้ซึ่งจากการคาดคร่าวๆคาดว่าอาจมีการกระทบกระเทือนกระดูกได้ นายพยาบาลตะโกนเรียกหมอให้มารักษาเหตุจากขับรถซูเปอร์คาร์ด้วยความเร็วกันหลายคันแต่มีรถเก๋งขับออกจากทางโค้งทำให้ประสานชนกันเป็นทอดๆ หมอกิตติรีบวิ่งไปดูแลโดยเร็วโดยไม่เหลียวแลเด็กชายที่ค่อยๆ หายใจโรยริน หมอพยาบาลกำลังรุมช่วยกันทำแผล เตรียมเอกซเรย์ให้โดยเร็วที่สุด

   พยาบาลสาวที่กำลังดูแลคนไข่เด็กนั้นเห็นท่าไม่ดี ชีพจรเริ่มช้าลงเรื่อย ความดันเริ่มตก จึงรีบไปตามหมอกิตติมารักษาโดยเร็ว เป็นจังหวะเดียวกันที่หมอกิตติทำแผลเสร็จใรบางส่วนพอดีก็รีบมาดูอาการคนไข้เด็กแต่สุดท้ายมันสายเกินไป

ตืดดดดด

   เสียงเครื่องตรวจจับชีพจรดันเป็นเสียงเรียบจังหวะเดียวกันดังขึ้นทั้งห้องฉุกเฉินขนาดปานกลาง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของคู่ชายหญิงพ่อแม่ของเด็กน้อยในวัยทำงาน ดังขึ้นปานใจจะขาดแยกอกจากกัน จนส่งให้ผู้ขอบข้างที่เห็นหดหู่ตามสถานการณ์ เมื่อดวงใจเดียวของตนไร้ลมหายใจไม่มีเหลือ ไม่มีใครสามารถเข้าใจเหตุการณ์นี้ได้จนกว่าจะเจอกับตัวเอง

   เหตการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยในโรงพยาบาลเป็นประจำแต่ทั้งพยาบาลและหมอก็มักจะไม่ชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะพยายามให้คนไข้มีชีวิตรอดได้จนวินาทีสุดท้าย แต่เมื่อไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ก็มักจะขอโทษญาติคนไข้แล้วหลบไปอยู่คนเดียว แต่กับหมอคนนี้ไม่แม้จะหันมามอง ไม่สนใจ ยังคงรักษาการปฐมพยาบาลอยู่คนเดียว ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำ หรือแม้กระทั้งตัวของคนที่เจ็บจากอุบัตเหตุ ก็ยังไม่จำใจในตัวของหมอคนนี้

“หมอคะ”เสียงจากพยาบาลสาวเรียกอยู่ด้านหลัง แต่หมอกิตติหาได้สนใจ

“หมอ”เสียงจากพยาบาลคนเดิมเรียกซ้ำ

“นี่หมอกิตติคะ นี่หมอกำลังทำอะไรอยู่ ช่วยสนใจชีวิตคนหน่อย”

“อะไรกันคุณพยาบาล คนไข้ก็ตายไปแล้วนิ รักษาไปก็ช่วยไม่ได้แล้วนิ ต้องการอะไรอีก”

“ก็ถ้าคุณหมอตั้งใจรักษาคนไข้ให้มากนี้ ก็คงไม่เป็นแบบนี้นี่คะ”

“นี่คุณโทษผมหลอ”หมอกิตติพูดกัดฟัน จนเส้นเลือดขึ้นหน้า

“ก็จริงนี่คะ ฉันเองก็ทนจะไม่ไหวแล้วนะ”พยาบาลสาวพูดด้วยอารมณ์ที่เหลืออด หมดความอดทนอดกลั้น

“หึ นี่ คุณพยาบาลคุณยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงนี่ ระวังตัวไว้เถอะ”หมอกิตติพูดอย่างแพ่วเบาพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

“นี่คุณ...”พยาบาลสาวถึงกลับพูดไม่ออกเมื่อเธอรู้ว่าถ้าเธอยังดึงดันต่อไปก็จะเป็นเธอเองที่ซวย ลูกคนโตที่กำลังขึ้นมัธยมปลาย ไหนจะค่าเรียนพิเศษค่าเทอม และลูกคนสุดท้ายที่กำลังขึ้นมัธยมต้นเหมือนกัน ค่าชุดที่ต้องซื้อใหม่ยกตู้ ค่าเทอม ค่าอยู่ค่ากิน การเงินที่ยังมีการใช้จ่ายยังไม่มั้นคง

   เพื่อนของพยาบาลสาวด้วยกันเองได้มาลากตัวของเธอออกไปจากห้องฉุกเฉินทันที เพื่อให้เธอได้สงบสติและอารมณ์ที่กำลังเดือดพร่านในใจ และให้นึกถึงคนที่อยู่ข้างหลังให้มาก ถึงคนที่เคยทำงานร่วมกับหมอกิตติมานั้นก็เคยเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งเหตุการณ์เล็กน้อยพอไม่เอาเรื่อง และเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้แต่ก็มักจะให้พ่อของตัวเองช่วยกลบข่าวให้ตนเองเสมอ จึงไม่มีอะไรมาทำตัวหมอกิตติได้ วันต่อมาก็มาทำงานตามปกติ

“หมอ ทำไมหมอไม่รักษาลูกผม ทไมหมอทำแบบนี้วะ”เสียงโวยวายของพ่อเด็กดังขึ้นเมื่อสองพยาบาลสาวเดินออกไปทันที

“ลูกผมถึงขั้นให้ออกซิเจนนขนาดนี้แล้วอะ ยังไปคนใจคนอื่นอีกหลอ หมอควรโฟกัสลูกผมไม่ไช่หลอ”หมอกิตติไม่ได้สนใจเสียงโวยวายนั่น ก่อนสั่งให้พยาบาลบริเวณนั้นมารักษาแทนแล้วเดินออกมา

“ขนาดนี้แล้วหมอยังไม่สนใจอีกหลอ เป็นหมอประสาอะไรวะ ซื้อใบหมอมาไง ถึงรักษาได้เชี่ยแบบนี้ หรือเป็นหมอเถื่อน หน้าก็ดีแต่รักษาได้สถุนว่ะแม่ง”