วิทยา ฟรีแลนซ์ผู้บ้างาน จับพลัดจับผลูไปอยู่ในเกมออนไลน์ชื่อดัง “Alterwind” ถึงจะอยู่ต่างโลก แต่เขาก็ยังต้องส่งงาน!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ไทย,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,ต่างโลก,เกมออนไลน์,ไลท์โนเวล,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไปต่างโลกยังต้องเอางานไปทำด้วยอีกเหรอเนี่ยวิทยา ฟรีแลนซ์ผู้บ้างาน จับพลัดจับผลูไปอยู่ในเกมออนไลน์ชื่อดัง “Alterwind” ถึงจะอยู่ต่างโลก แต่เขาก็ยังต้องส่งงาน!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลย
วิทยาฟรีแลนซ์บ้างานจับพลัดจับผลูมาอยู่ในเกมออนไลน์ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะทำงานส่งจากในเกมนี่แหละ!
เลเวลก็ต้องเก็บ บอสก็ต้องปราบ งานก็ต้องทำ ไหนๆ ยังกลับบ้านไม่ได้ เปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลยก็แล้วกัน!
“ฉันมาที่หมู่บ้านของแกแล้ว อยู่หน้าบ้านยายวากะ แต่ไม่เจอแก” ประสิทธิ์ พี่ชายของวิทยา ส่งข้อความมาบอกพร้อมด้วยภาพสกรีนช็อตหน้าจอ
“เป็นไปได้ว่าแกจะอยู่คนละเซิร์ฟเวอร์”
“แล้วพี่พอจะรู้ไหมว่าทำไมผมถึงมีแต่เน็ต ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์”
“ฉันเดาว่ามันคงเป็นเพราะแกอยู่ในเกมออนไลน์ เกมออนไลน์มันต้องต่อเน็ตอยู่ตลอดเวลา แกก็เลยใช้เน็ตได้ หรือไม่ก็เกมนี้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่อยู่ต่างประเทศ แต่ฉันว่าอย่างหลังไม่น่าใช่มั้ง”
“แล้วร่างกายแกเป็นยังไงบ้าง พอจะเดินเหินได้บ้างหรือยัง”
“ก็ดีขึ้นเยอะแล้วพี่ เดี๋ยวว่าจะไปเอาของที่รถแล้ว”
“ว่าแต่แกลองใช้เมนู ใช้อินเตอร์เฟซของเกมบ้างหรือยัง ในเมื่อแกอยู่ในเกมก็น่าจะพอใช้ได้”
“ยังเลย มันรู้สึกเหมือนปกติไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร ก็เลยไม่ได้ลองพยายามทำอะไร”
“ลองนึกเรียกเมนูหรืออะไรดูซิ”
ชายหนุ่มลองทำตาม แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แล้วที่พี่เล่นในเกม แถวนี้มันมีมอนสเตอร์หรืออะไรที่เป็นอันตรายหรือเปล่า ผมจะได้ระวังตัวไว้”
“หมู่บ้านบาร์คอมบ์ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ในหมู่บ้านมอนมันเข้าไม่ได้อยู่แล้ว ออกมาก็มีมอนกากๆ ไม่เยอะ แต่แกไม่มีอาวุธ เป็นไปได้ก็อย่าออกนอกหมู่บ้านละกัน”
“โอเคครับ”
ทันใดนั้นเองประตูของกระท่อมก็เปิดออก มีนักบวชคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับผู้คุ้มกันอีกสองคน นักบวชแต่งกายด้วยผ้าทอสีสันสดใส มีลวดลายเรขาคณิตที่ซับซ้อนกว่าชาวบ้านทั่วไป ส่วนผู้คุ้มกันเปิดเผยเนื้อหนังแทบจะทั่วทั้งร่าง มีเพียงของสงวนที่มีผ้าพันเอวห้อยลงมาปิดบังไว้ ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของพวกเขาถือหอกอยู่คนละด้าม
“เขาคงหายดีแล้ว เรามารับตัวเขาตามที่ได้อนุโลมให้รักษาตัว” นักบวชกล่าวกับยายวากะ
คุณยายหันกลับมามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เห็นใจ
“ครั้งนี้ฉันคงโต้แย้งอะไรไม่ได้ หวังว่าจะทดสอบอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมนะ”
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ในช่วงที่รักษาตัว วิทยาได้พูดคุยกับยายวากะถึงเรื่องราวของนักบวช ยายได้กล่าวถึงการทดสอบสิ่งที่อาจจะเป็นลางร้ายของเหล่านักบวช หากทดสอบผ่าน ก็จะได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านได้ แต่ถ้าทดสอบไม่ผ่าน ก็มีเพียงความตายที่รออยู่ โดยผู้ที่ทดสอบไม่ผ่านจะถูกมัดอยู่ที่ยอดสูงของมหาพฤกษาเพื่อให้เป็นเหยื่อของแร้งกาและกลับคืนสู่ธรรมชาติ
เป็นธรรมดาที่ชายหนุ่มจะรู้สึกกลัว แต่เมื่อร่างกายขยับได้ลำบาก และถึงจะหายดี เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้กล้าที่จะต่อสู้ได้เก่ง เขาถึงพยายามทำใจว่าจะไม่กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่นั่นก็ทำให้วิทยาค่อนข้างเครียดเลยทีเดียว
อย่างว่าแหละนะ จริงๆ เราก็เหมือนขับรถชนตายไปแล้ว ก็แค่ตายจริงๆ
เขาทำใจอย่างปลงตก ก่อนเดินออกไปกับนักบวช
มหาพฤกษาอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านบาร์คอมบ์มากนัก เพียงเดินออกมาจากบ้านก็จะเห็นต้นไม้ใหญ่มหึมายืนเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้แต่ไกล ต้นไม้นี้สูงใหญ่กว่าภูเขาเตี้ยๆ บางลูก และมีอายุหลายพันปีแล้ว ชนเผ่าแถบนี้ต่างเชื่อว่ามหาพฤกษามีเทพผู้พิทักษ์สิงสถิตและคุ้มครองโลกใบนี้อยู่
…แต่การเดินทั้งๆ ที่ถูกมัดมือไพล่หลังไปกลางแดดร้อนๆ แบบนี้มันก็ไกลเหมือนกันนะ
ชายหนุ่มคิด เขาถูกปลายหอกดันให้รีบเดินไปข้างหน้าเป็นครั้งคราว
ที่โคนต้นทางทิศใต้ของมหาพฤกษามีอารามขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มันดูคล้ายปิรามิดขั้นบันไดแบบไม่มียอด ประกอบขึ้นจากอิฐที่สกัดจากหิน ภายในเป็นโถงใหญ่ที่มีห้องเล็กๆ รายล้อม บรรยากาศดูคล้ายเกมผจญภัยที่เคยเล่น น่าเสียดายที่วิทยายังไม่มีโอกาสได้สำรวจอารามดังกล่าวในขณะนี้
ในที่สุดการเดินทางก็สิ้นสุดลง เขาถูกบังคับให้คุกเข่า
เบื้องหน้าของเขาคือหัวหน้านักบวชที่ประดับศีรษะด้วยขนนกขนาดใหญ่ สวมหน้ากากทำจากไม้ที่ระบายสีสันสดใส ในมือถือไม้รูปร่างรีแบน พร้อมกระแทกไม้ลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนรับฟังสิ่งที่เขาจะเอ่ย
“บัดนี้จะเป็นการทดสอบชายผู้นี้ ขอเชิญเทพแห่งมหาพฤกษามาพิพากษา”
ว่าพลางเดินลงมาตรงหน้าวิทยา ในมือมีเมล็ดพืชรูปร่างคล้ายลูกรักบี้ ขนาดเล็กกว่าไข่ไก่เล็กน้อย
หัวหน้านักบวชวางเมล็ดพืชนั้นบนศีรษะของวิทยา
“อยู่นิ่งๆ” เขาพูดด้วยเสียงกระซิบ “ทำเป็นพิธีเท่านั้นแหละ”
จากนั้นหัวหน้านักบวชกลับไปยืนที่เดิมแล้วประกาศ
“หากเมล็ดศักดิ์สิทธิ์ไม่หล่นถึงพื้นภายในหนึ่งชั่วธูป จะถือว่าชายผู้นี้บริสุทธิ์”
การทดสอบก็จบลงด้วยประการฉะนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะเขาก็ไม่ได้อยากถูกแร้งทึ้งถ้าเป็นแบบนั้นศพคงไม่สวยแน่
……….
“ท่านนักบวชครับ ผมอยากจะไปดูของที่รถ” เขาเอ่ยปากถามหัวหน้านักบวช
“ได้สิ เดี๋ยวให้ลูเช่พาไป” หัวหน้านักบวชหันไปบอกลูเช่
“แต่ตอนเดินไปที่ยานพาหนะของเธอ ระวังพวกมอนสเตอร์หน่อยก็ดี ถึงจะมีผู้คุ้มกัน แต่ก็เคยมีผิดพลาด”
“ได้ครับ ขอบคุณท่านที่เป็นห่วง”
จุดที่รถยนต์ของพี่ชายวิทยาชนกับมหาพฤกษาอยู่ห่างจากอารามไม่มากนัก ทว่าด้วยความที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก กว่าจะไปถึงก็เล่นเอาหอบพอสมควร รถยนต์สีดำคันเล็กตกลงไปในโพรงของต้นไม้พอดี จึงได้ค้างอยู่แบบนั้น ไม่ตกลงไปเบื้องล่าง โพรงดังกล่าวอยู่สูงจากจุดที่วิทยาและนักบวชลูเช่ รวมถึงผู้คุ้มกันทั้งสองยืนอยู่ประมาณสองเมตร
“คือผมอยากจะเข้าไปดูของในรถ” เขาอธิบาย สงสัยต้องขอยืมบันไดของที่อาราม
ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปาก ลูเช่ก็พูดขึ้น
“ข้าว่าอย่าปีนเข้าไปจะดีกว่า เกิดมันตกลงไปในโพรงไม้แล้วจะลำบาก”
“เราต้องเอามันลงมา” นักบวชหนุ่มถอยหลังไปสองสามก้าว “ดีที่ท่านหัวหน้าฟาร์ก้าให้คทามาด้วย”
ลูเช่ปักคทาลงกับพื้นเบื้องหน้า สองมือกำคทาไว้พร้อมกับบริกรรมคาถา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปล่งแสงสีเหลืองพร้อมกับมีประกายแสงแว่บออกมาเป็นระยะๆ ไม่ทันไรสายลมที่เคยไหลผ่านรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนยกรถยนต์ออกจากโพรงไม้ลงมาถึงพื้นเบื้องหน้านักบวชหนุ่ม ท่ามกลางความตกตะลึงของวิทยา แต่ทุกคนทำท่าเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ
“ขะ ขอบคุณครับ”
รถยนต์มีรอยถลอกบริเวณด้านข้างที่ครูดเข้ากับโพรงไม้ นอกนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร วิทยาเข้าไปดูในรถ อุปกรณ์ต่างๆ ของเขายังใช้งานได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มตรวจสอบระดับไฟฟ้าที่ยังเหลือของรถยนต์ พบว่ายังวิ่งได้อีกประมาณ 2-300 กิโลเมตร
“ดูเหมือนทุกอย่างจะปกติดีนะครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อน”
“เจ้าลืมเรื่องมอนสเตอร์แล้วเหรอ ถ้าไม่มีอาวุธจะอันตรายมาก”
“รถยนต์นี่วิ่งได้เร็วพอสมควรครับ ผมคิดว่าพวกมันน่าจะตามไม่ทัน”
“ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนั้นข้าก็จะไม่ขัด แต่ก่อนไปจะร่ายมนตร์คุ้มครองให้ก่อน” พูดจบลูเช่ก็ปักคทาลงกับพื้นและบริกรรมคาถาอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนคาถาที่ร่ายจะแตกต่างไปจากเมื่อครู่
แต่ไม่ทันที่คาถาจะจบลง…
เงาดำทะมึนพาดมายังตัวเขา วิทยาจึงหันไปมองพร้อมตกใจสุดขีดเพราะมันคือสุนัขป่าขนาดใหญ่ ลำตัวของมันมีเกล็ดหุ้มลำตัวที่ดูคล้ายกับเกราะที่มีหนามแหลม พวกมันมากันสองสามตัว ตัวที่ดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูงคำรามก้องอย่างดุร้าย
นี่เหรอ มอนกากๆ ของพี่
“พวกข้าขอติดรถไปด้วยนะ” ไม่ทันจะขาดคำ พวกนักบวชก็ขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนวิทยารีบบึ่งออกจากที่นั่นอย่างไม่คิดชีวิต เหล่าหมาป่าไล่ตาม แต่เมื่อพ้นเขตมหาพฤกษาพวกมันก็เลิกตาม
ในที่สุดก็กลับมาที่หมู่บ้านบาร์คอมบ์จนได้
“คุณยายวากะ ชายผู้นี้ผ่านการทดสอบแล้ว เขาอาศัยอยู่ที่นี่ได้ พวกข้าขอลากลับอาราม” ลูเช่พูดสั้นๆ ก่อนจะนำผู้คุ้มกันทั้งสองเดินกลับไป แต่มิวายที่จะหันมาอธิบายกับวิทยา
“พวกข้าสู้กับมอนสเตอร์พวกนั้นได้สบายมาก แต่ถ้าปกป้องเจ้าด้วยมันลำบากและเหนื่อยด้วย”
ครับพี่ เขาคิดในใจ
หลังจากไปขอช่วยงานบ้านกับยายวากะและทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ให้แล้ว วิทยาก็เปิดโน้ตบุค เปิดเราเตอร์ และต่อสายเข้ากับโซลาร์เซลล์ หน้าจอของโน้ตบุคสว่างขึ้นตามปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกไปจากเดิม มันคืออินเตอร์เฟซของเกมที่เขาไม่เคยติดตั้ง
“Alterwind”
“ฮัลโหลพี่ประสิทธิ์ เกม Alterwind ใช่ชื่อเกมนี้ไหม”
“ใช่ เกมนี้แหละ แกลองสร้างแอคเคาท์ดูซิเผื่อจะทำอะไรได้บ้าง”
“เดี๋ยวจะลองสร้างดู”
หลังจากสร้างแอคเคาท์เสร็จสิ้น วิทยารู้สึกแปลกๆ เหมือนกับร่างกายที่อ่อนล้ากลับมีกำลังขึ้น อาการบาดเจ็บที่เหลืออยู่เล็กน้อยก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ส่วนเสื้อผ้าก็เปลี่ยนไปเป็นชุดที่เขาเลือกในเกม
“ทีนี้แกจะต้องไปทำเควสต์เปิดเกม…”
“เดี๋ยวก่อนนะ ขอเช็คตารางงานก่อน… ต้องรีบปั่นตัวนี้ส่งน่ะสิ แล้วค่อยทำเควสต์ละกัน”
ในที่สุดก็ได้ปั่นงานจนได้