วิทยา ฟรีแลนซ์ผู้บ้างาน จับพลัดจับผลูไปอยู่ในเกมออนไลน์ชื่อดัง “Alterwind” ถึงจะอยู่ต่างโลก แต่เขาก็ยังต้องส่งงาน!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ไทย,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,ต่างโลก,เกมออนไลน์,ไลท์โนเวล,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไปต่างโลกยังต้องเอางานไปทำด้วยอีกเหรอเนี่ยวิทยา ฟรีแลนซ์ผู้บ้างาน จับพลัดจับผลูไปอยู่ในเกมออนไลน์ชื่อดัง “Alterwind” ถึงจะอยู่ต่างโลก แต่เขาก็ยังต้องส่งงาน!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลย
วิทยาฟรีแลนซ์บ้างานจับพลัดจับผลูมาอยู่ในเกมออนไลน์ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะทำงานส่งจากในเกมนี่แหละ!
เลเวลก็ต้องเก็บ บอสก็ต้องปราบ งานก็ต้องทำ ไหนๆ ยังกลับบ้านไม่ได้ เปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลยก็แล้วกัน!
วิทยาคิดถึงการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ลำพังแผงโซลาร์เซลล์ของคอมพิวเตอร์น่าจะไม่เพียงพอ แต่จากที่คุณยายวากะเล่าถึงเผ่าพันธุ์จักรกลที่จำหน่ายอุปกรณ์เทคโนโลยี เขาก็มีความหวังขึ้นมาบ้างว่าน่าจะมีอะไรที่พอจะช่วยได้บ้าง การเดินทางไปยูเฟเรียจึงมีจุดหมายที่มากกว่าการสืบหาทางกลับบ้าน
ส่วนงานที่เขาต้องกลับมาทำ คราวนี้เป็นงานที่ชายหนุ่มไม่ค่อยชอบนัก นั่นคือการตรวจทานงานที่ผู้อื่นแปล สาเหตุที่เขาไม่ค่อยชอบคือมักจะปล่อยข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้หลุดไปถึงมือลูกค้า ถึงแม้จะพยายามตรวจให้ละเอียดสักปานใด แต่สมองเจ้ากรรมก็มักจะแก้ไขอัตโนมัติให้มองไม่เห็นได้ทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม งานตรวจทานก็เป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ของงานแปลทุกงาน และมันมักจะใช้เวลาน้อยกว่าการแปลตั้งแต่เริ่มแรก โชคดีที่นักแปลคนนี้ฝีมือดีพอสมควร งานจึงจบลงได้อย่างสบายใจ ใช้เวลาไม่นานก็อัปโหลดงานที่เสร็จและแจ้งอีเมลบอกลูกค้าเรียบร้อย
วิทยาพยายามติดต่อหาน้ำ แต่หญิงสาวออฟไลน์ ไม่ได้เข้าเกมมาหลายวันแล้ว ส่วนประสิทธิ์หลังจากเก็บบูธเดินทางกลับบ้านด้วยรถเช่า เขาก็เป็นไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้เข้าเกมไม่ได้เช่นกัน ชายหนุ่มจึงคิดถึงการเดินทางไปยูเฟเรียตามลำพัง เขาเดินไปเช็คแบตเตอรี่รถยนต์แล้วเทียบระยะทางไปยูเฟเรีย เมื่อพบว่าน่าจะไม่เพียงพอต่อการไปถึงเมืองหลวงของทวีป วิทยาก็ออกจากรถแล้วมาดริปกาแฟ จากนั้นก็ไปนั่งที่หน้าบ้าน พร้อมกับครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ยายวากะก็ไม่รู้ออกไปที่ไหน แต่เท่าที่อยู่มา คุณยายไม่เคยไปไหนไกล เขาจึงคิดว่าจะใช้เวลาพักผ่อนหลังจากงานเสร็จอีกสักครู่ก่อนหาทางออกเดินทางไปที่ยูเฟเรียต่อไป การออกเดินทางคนเดียวไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดี เพราะเมื่อออกจากหมู่บ้านบาร์คอมบ์และไม่มีการคุ้มครองจากเวทมนต์ของเหล่านักบวชและเทพพฤกษาแล้ว มอนสเตอร์ก็น่าจะมีมากขึ้นและเก่งขึ้น ด้วยทักษะการต่อสู้เท่าที่เขามีอยู่ไม่น่าจะไปถึงยูเฟเรียได้แบบครบสามสิบสอง
งั้นเราจะรออีกวันสองวันละกัน ถ้าพี่สิทธิ์หรือคุณน้ำเข้าเกมก็ค่อยขอให้เขาพาไป
คิดได้แบบนั้นวิทยาก็ทำสิ่งที่เขาคุ้นเคย คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คอีเมล ไม่มีงานใหม่เข้ามา แต่งานที่เพิ่งส่งไปเมื่อครู่มีปัญหา ลูกค้าต้องการให้แก้การสะกดคำ ซึ่งเขาพลาด ไม่ได้ตรวจดูคำอธิบายในอีเมลของลูกค้า และคิดว่านักแปลแปลมาถูกแล้ว เพราะเป็นการสะกดแบบที่ทำกันมาหลายปี เขาส่งอีเมลกลับไปขอโทษพร้อมบอกจะรีบแก้ไขงานส่งไปให้ใหม่
ทันใดนั้นระบบส่งข้อความในเกมก็ส่งการแจ้งเตือน คุณน้ำกลับมาออนไลน์
คุณวิทย์ จะไปยูเฟเรียตอนไหนคะ
เขาตอบกลับไปว่าต้องรีบแก้งานส่ง และอาจจะต้องให้น้ำช่วยเดินทางไปเป็นเพื่อนไปยูเฟเรียอย่างที่เคยคุยกัน แต่คงจะขับรถไปไม่ได้แล้วเพราะแบตเตอรี่ไม่พอ
พอดีเลยค่ะ ตอนนี้เพื่อนน้ำมีรถอยู่พอดี แต่เค้าต้องออกตัวตอนนี้เลย เลื่อนส่งงานไปก่อนได้ไหมคะ
รถหรือยานพาหนะในเกมนี้มีราคาค่อนข้างแพง ไม่ใช่สิ่งที่เพลเยอร์ระดับต้นๆ อย่างเขาจะใฝ่ฝันถึง และการไปยูเฟเรียด้วยการเดินเท้าก็คงไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก ถึงแม้เกมนี้จะมีระบบ fast travel (การวาร์ปไปยังจุดที่เกมเตรียมไว้ล่วงหน้า) แต่คนที่ไม่เคยออกเดินทางไปยังจุดวาร์ปต่างๆ ก็ยังคงต้องเดินเท้าไปในครั้งแรกอยู่ดี ข้อเสนอการเดินทางจึงดูน่าสนใจไม่น้อย
วิทยาค่อนข้างลังเล แต่ด้วยความรับผิดชอบงานที่ต้องมาก่อน ทำให้เขาตัดใจในท้ายที่สุด เขาไม่อยากให้น้ำรอด้วยเพราะไม่ได้สนิทกันมากนัก
แล้วเจอกันนะคะ พร้อมอีโมจิให้กำลังใจ
ชายหนุ่มรีบนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ เสียงคีย์บอร์ดรัวไม่หยุด ผ่านไปไม่นานเขาก็แก้งานทั้งหมดพร้อมส่งอีกครั้ง พอเสร็จเขาก็พับหน้าจอโน้ตบุคลงและถอนหายใจ
เราจะเอายังไงดีนะ หรือจะต้องเดินเท้าไปคนเดียวจริงๆ
หรือว่าเราจะขับรถไปจนแบตหมดแล้วค่อยเดินต่อ
มอนมันจะมีตัวที่ตามรถทันหรือเปล่านะ
เขาเรียกรายชื่อเพื่อนในเกมขึ้นมาดู ซึ่งมีแค่สองคนคือประสิทธิ์กับน้ำ มีน้ำที่ออนไลน์อยู่แต่เธอก็คงออกเดินทางไปกับเพื่อนที่ว่าแล้ว ประสิทธิ์ยังคงออฟไลน์ ไข้หวัดน่าจะเป็นหนักทีเดียว อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ว้าวุ่นอะไรนัก งานก็แก้ไขเสร็จไปแล้ว หรือจะรอต่ออีกหน่อยให้ประสิทธิ์หายไข้ แล้วค่อยไปลุยด้วยกัน
ยายวากะเดินกลับมาแล้ว ที่แท้แกออกไปคุยกับเพื่อนที่บ้านที่อยู่ห่างออกไป
ยายเดินมาพร้อมกับคุณน้ำ
“คุณน้ำ ผมนึกว่าคุณไปกับเพื่อนคุณแล้ว” วิทยาถามอย่างแปลกใจ
“เพื่อนไม่ค่อยได้เข้าเกมน่ะค่ะ เข้ามาทำกิจกรรมแป๊บเดียว ตอนนี้ก็ออกไปแล้ว ฉันก็เลยกลับมา” คุณน้ำยังยิ้มสดใสเหมือนเคย
“ไปยูเฟเรียกันค่ะ คุณวิทย์”
ทั้งสองคนเดินออกจากหมู่บ้านบาร์คอมบ์ไป วิทยาไม่ลืมที่จะเก็บคอมพิวเตอร์และสารพัดอุปกรณ์ของเขาใส่ในเป้แล้วเอาไปด้วย ตอนนี้เขาใช้กระเป๋าต่างมิติที่เป็นของระบบเกมได้แล้ว ทำให้ไม่ต้องเอามาสะพายให้หนัก
ยายวากะโบกมือให้ทั้งสอง การเดินทางที่แท้จริงของนักแปลฟรีแลนซ์ที่มาติดอยู่ในเกมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
…….
อาณาเขตของเทพพฤกษานั้นกว้างใหญ่มาก ภายในอาณาเขตนี้มอนสเตอร์จะมีเพียงสไลม์ สัตว์ป่าทั่วไป และที่ร้ายที่สุดก็คงจะเป็นหมาป่าเกราะที่วิทยาเคยเจอ เนื่องจากเกราะของมัน มีดของนักรบจึงทำร้ายมันไม่ค่อยได้นัก ดีที่มีคุณน้ำมาด้วย พวกมันจึงได้รับประทานกระสุนน้ำกันถ้วนหน้า
เมื่อถึงคืนที่ห้าของการเดินทาง ทั้งสองนั่งอยู่หน้าแคมป์ที่ใช้สกิลตั้งขึ้นมา ซึ่งเป็นสกิลพื้นฐานของเพลเยอร์ทุกคนสร้างขึ้น
“สกิลตั้งแคมป์นี่สะดวกชะมัดเลยครับ นึกถึงโลกจริงกว่าจะกางเต็นท์เสร็จ เสียเวลาเป็นชั่วโมง” วิทยาบอก ในมือของเขามีน่องไก่ป่าย่างที่สวยงาม
“อาหารก็ออกมาโอเคทุกครั้ง โลกจริงล่ะผมไม่อยากจะนึก” เขาพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
“จริงค่ะ แต่ฉันก็ชอบตั้งแคมป์ที่โลกจริงนะคะ ไปกับเพื่อนๆ บ่อย” น้ำตอบก่อนที่จะเล่าเรื่องการตั้งแคมป์ที่โลกจริงให้วิทยาฟัง ก่อนที่ทั้งสองจะได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก
“คุณวิทย์” น้ำส่งเสียงเรียกพร้อมทำสัญญาณให้เงียบเสียง ทั้งคู่เรียกอาวุธของตนเองออกมา แล้วมองหาศัตรูไปรอบๆ ปรากฏว่าเป็นก็อบลินร่างเล็กสีเขียวตนหนึ่ง มันมีร่างกายที่ผอมแห้ง เดินอย่างไร้เรี่ยวแรงออกมาที่กองไฟ
“ก็อบลิน แสดงว่าเราออกนอกเขตของเทพพฤกษาแล้ว”
“ระวังตัวนะคะ เห็นแบบนี้ถ้ามันเรียกพวกออกมาเยอะๆ ก็ลำบากเหมือนกัน” น้ำยกปืนพกเล็งไปที่หัวของก็อบลิน
ช่วยด้วย ช่วยลูกข้าด้วย
“เดี๋ยวครับ ผมได้ยินเสียง”
“ได้ยินสิคะ มันร้องขู่เราไง”
ได้โปรด ช่วยลูกข้าด้วย
“ผมว่าผมรู้แล้วครับว่าสกิลแปลภาษามีไว้ทำไม” วิทยาจ้องมองวาริน ภายในดวงตาของเขาดูเหมือนจะมีความเข้าใจบางอย่าง