วิทยา ฟรีแลนซ์ผู้บ้างาน จับพลัดจับผลูไปอยู่ในเกมออนไลน์ชื่อดัง “Alterwind” ถึงจะอยู่ต่างโลก แต่เขาก็ยังต้องส่งงาน!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลย
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ไทย,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,ต่างโลก,เกมออนไลน์,ไลท์โนเวล,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไปต่างโลกยังต้องเอางานไปทำด้วยอีกเหรอเนี่ยวิทยา ฟรีแลนซ์ผู้บ้างาน จับพลัดจับผลูไปอยู่ในเกมออนไลน์ชื่อดัง “Alterwind” ถึงจะอยู่ต่างโลก แต่เขาก็ยังต้องส่งงาน!? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลย
วิทยาฟรีแลนซ์บ้างานจับพลัดจับผลูมาอยู่ในเกมออนไลน์ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจะทำงานส่งจากในเกมนี่แหละ!
เลเวลก็ต้องเก็บ บอสก็ต้องปราบ งานก็ต้องทำ ไหนๆ ยังกลับบ้านไม่ได้ เปิดบริษัทสตาร์ทอัพในเกมมันซะเลยก็แล้วกัน!
วิทยาใช้เวลาตอนกลางคืนที่หมู่บ้านเคลด์ปั่นงานจนเสร็จไปอีกชิ้น เขาเข้ามาอยู่ในเกมก็ใกล้จะครบเดือนแล้วจึงทำให้แทบไม่ต้องใช้เงินของโลกจริงเลย ที่ใช้ไปก็เพียงจ่ายค่าเช่าห้องที่เขาย้ายออกมาเพราะอยากอยู่คนเดียว จะได้ทำงานอย่างมีสมาธิ แล้วก็มีค่าน้ำไฟ ค่าเน็ตรายเดือนเท่านั้น ส่วนการกินและดำรงชีวิต เขาเพียงแต่ใช้เงินในเกมที่หาได้ไม่ยากนัก
อยู่ในเกมสักพักอาจจะเป็นข้อดีก็ได้ ชายหนุ่มคิดขณะนั่งจิบกาแฟมื้อเช้าที่ร้านอาหารตามลำพัง ขณะที่น้ำกับเพลิงล็อกเอาต์ออกไปใช้ชีวิตนอกเกมของตนเอง
จะว่าไปเงินจริงใช้ในเกมก็ได้ คือเอามาเติมเงิน เกมนี้เติมเงินจะได้อะไรบ้างนะ คิดได้ดังนั้นเขาก็เปิดเมนูร้านค้าเติมเงินในเกมขึ้นมาดู แต่มีรายการของให้เลือกมากมายเกินไปจนเลือกไม่ถูก วิทยาจึงปิดหน้าร้านค้าไปแล้วตั้งใจว่าจะถามจากเพื่อนๆ เมื่อพวกเขากลับมาเข้าเกม
เมื่อทำงานเสร็จและส่งไปแล้วถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีงานที่ต้องทำ ชายหนุ่มจึงมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนจะกลับเข้ามาในเกม เขาเลยออกไปล่ามอนสเตอร์ที่ป่าข้างๆ หมู่บ้านเพื่อเก็บเลเวลฆ่าเวลา โดยเลือกตัวง่ายๆ ที่เขาพอจะฆ่าได้ ใช้เวลาไปจนเกือบจะถึงเวลาที่นัดไว้กับน้ำและเพลิง แต่เลเวลก็ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะมอนสเตอร์ที่กำจัดไปให้ค่าประสบการณ์ค่อนข้างน้อยนั่นเอง
ยามเย็นที่ร้านอาหารจุดเทียนสลัว พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ให้บรรยากาศที่สวยงามแปลกตา ทั้งสามคนสั่งอาหารเลิศรสมาวางบนโต๊ะ ระหว่างนั้นก็ประชุมถึงการผจญภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นไปด้วย
“เส้นทางต่อจากนี้จะมีให้เลือกสองเส้นทาง เส้นทางแรกไม่ค่อยมีอุปสรรคแต่จะยาวไกล แต่อีกเส้นทางจะลัดระยะทางได้แต่จะต้องผ่านบอส คิดว่าไง” เพลิงถามขึ้น
“บอสตัวนี้มันเก่งมากไหมครับ”
“ก็พอสมควรนะ มากันแค่สามคนอาจจะลำบากหน่อย แต่ดูจากเลเวลของผมกับคุณน้ำแล้วก็คงพอไหว คุณวิทย์ก็คอยโจมตีเสริมไปแล้วกัน” เพลิงให้ความเห็น
“คุณวิทย์คะ” น้ำเรียกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ที่ผ่านมาพวกมอนสเตอร์ยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเลือกจะเดินเข้าหาบอส คุณวิทย์จะต้องรู้จักการปล่อยอัลติ หรือท่าไม้ตายนะคะ”
“อ่า ครับ” วิทยาพอจะเข้าใจอยู่บ้าง สมัยนี้อัลติถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับเกมแนวนี้ไปแล้ว แต่เท่าที่ผ่านมาเขายังไม่เคยได้ใช้อัลติเลย
“เกมนี้อัลติจะเป็นท่าที่รุนแรง แต่ทางผู้ออกแบบเกมไม่ต้องการให้เราใช้ท่าอัลติพร่ำเพรื่อ ก็เลยออกแบบให้ต้องโจมตีหลายครั้งกว่าเกจอัลติจะเต็ม และทุกครั้งที่ใช้อัลติต้องเสียพลังชีวิต” น้ำอธิบาย
“ท่าอัลติจะพัฒนาจากสกิล ตอนนี้สกิลโจมตีของคุณวิทย์ส่วนใหญ่เป็นสกิลพื้นฐานของนักรบ พวกใช้มีดแทงหรือฟัน และมีการเสริมธาตุไปที่อาวุธคือธาตุลม เราก็เอามาเสริมกับอัลติได้ด้วย แล้วถ้าต่อไปเปลี่ยนธาตุ อัลติก็จะเปลี่ยนธาตุตามอาวุธด้วย”
“หลักๆ ก็คือการปล่อยสกิลให้สุดแรงเกิดนั่นแหละครับ” เพลิงกล่าว เขากำด้ามขวานแน่น จินตนาการถึงภาพตนเองใช้อัลติไปด้วย
“แล้วสุดท้ายแบบท้ายสุดคือท่ายูนีคสกิลของแต่ละคน ที่จะมีไม่เหมือนกัน โดยเกมจะคำนวณจากตัวเราครับ แต่เลเวลของพวกเราตอนนี้ยังไม่ถึง ต้องเลเวลที่สูงมาก ๆ โน่นเลย ตอนนี้เลยไม่ต้องคิดถึงมันก็ได้” เพลิงอธิบายต่อ
“ตอนนี้ที่ลานกว้างไม่ค่อยมีคน เพราะเริ่มค่ำแล้วชาวบ้านเก็บร้านกันไปแล้ว คุณวิทย์ไปฝึกตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวน้ำจะคอยดูให้ค่ะ” คุณน้ำยิ้มให้กำลังใจและชี้ไปที่ลานกลางหมู่บ้าน
“เดี๋ยวผมก็จะช่วยด้วย” เพลิงคว้าขวานคู่ใจอีกคน ทั้งสามเดินไปที่ลานกลางหมู่บ้าน
……
เพลิงจัดแจงไปขอซื้อถังไม้จากชาวบ้านมาสี่ห้าถังเพื่อใช้ในการฝึกซ้อม
“เดี๋ยวผมจะเริ่มทำให้ดูก่อนนะครับ”
“ย่าห์”
“เราจะชาร์จพลังใส่เข้าไปในอาวุธครับ ตอนนี้เกจอัลติที่ได้จากการตีมอนเมื่อวานของผมยังไม่เต็ม ต้องชาร์จพลังใส่เข้าไปเพิ่ม เวลาสู้จริงต้องคิดถึงเวลาชาร์จด้วยนะครับ บางทีไม่ใช้อัลติก็จะดีกว่า”
เกจอัลติของเพลิงเต็มแล้ว ขวานสั้นคู่นั้นเปล่งแสงสว่างวาบ พร้อมไอความร้อนที่รู้สึกได้
“ขวานคู่ เพลิงผลาญ!” ชายร่างใหญ่ฟันขวานเป็นรูปกากบาท ถังไม้ขาดสะบั้นและลุกไหม้ไปพร้อมๆ กัน
“ชื่อท่าตั้งเองนะครับ น่าอายหน่อย ฮ่าๆ” เพลิงหัวเราะ “คุณน้ำมีอะไรจะเสริมไหมครับ”
“เดี๋ยวน้ำทำให้ดูเลยดีกว่า” หญิงสาวหยิบไรเฟิลขึ้นมาประทับบ่า ในขณะที่ปืนพกทั้งสองลอยขึ้นมาอยู่เหนือไหล่ทั้งสองข้างของเธอ
“ปืนลอยได้ด้วย” วิทยาทัก
“ใช่ค่ะ มันจะทำให้มือว่างมาใช้ไรเฟิลได้ ถ้าหากว่าน้ำต้องการการคุ้มกันตอนไปซุ่มยิง แต่ปกติไม่ค่อยมีแบบนั้น” วารินอธิบาย “น้ำชอบลุยยิงมากกว่าซุ่มยิงด้วยน่ะ”
“ท่าของน้ำชาร์จนานมากกว่าจะเต็ม โชคดีที่เมื่อวานเก็บเกจได้เต็มพอดี” หญิงสาวยิงปืนพร้อมกันทั้งสามกระบอก สิ่งที่ออกจากปลายกระบอกปืนไม่ใช่กระสุนแต่เป็นลำแสงที่ดูเหมือนกระแสน้ำที่รุนแรง ถังน้ำถูกทำลายถึงสามถังในครั้งเดียว
“อ้อ ชื่อท่าวารีพิฆาตนะคะ แต่น้ำไม่ชอบตะโกนชื่อท่า มันน่าอายน่ะ” น้ำหัวเราะอย่างสดใส
“คราวนี้ถึงตาคุณวิทย์แล้วค่ะ”
เกจอัลติของวิทย์เต็มอยู่แล้วจึงไม่ต้องชาร์จพลังอีก แต่เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร
“ก็แค่ฟันหรือแทงให้สุดแรงก็ได้ค่ะ” น้ำแนะนำพร้อมส่งรอยยิ้มให้
วิทยาลองจินตนาการถึงท่าทางที่เขาจะใช้เวลาปล่อยอัลติแล้วพุ่งตัวออกไปที่ถังไม้ ใช้มีดแทงรัวไปที่ถัง แล้วถีบตัวออกมาตวัดฟันให้เป็นคลื่นลมส่งไปทำลายถังไม้
“ดูจะเป็นอัลติที่ประสบความสำเร็จนะครับ แต่เราอาจเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพได้ด้วยการเล็งจุดอ่อนของศัตรูก่อนแล้วพุ่งเข้าไปแทง อาจจะสองสามที ไม่เน้นการแทงรัว แล้วค่อยกระโดดออกมาปล่อยคลื่นลมครับ” เพลิงวิจารณ์ “ใช่ไหมคุณน้ำ”
“น้ำเห็นด้วยกับที่คุณเพลิงว่าค่ะ”
“ฟังดูมีเหตุผลนะครับ ผมจะปรับปรุงตามนี้ก็แล้วกัน” วิทยาเห็นด้วยกับทั้งสองคน
“คุณวิทย์ดูจุดอ่อนของศัตรูเป็นใช่ไหมคะ อันนี้ก็เป็นสกิลพื้นฐานที่ทุกคนมีเหมือนกัน”
“เป็นครับ มันมีขึ้นแนะนำตอนสมัครแอคเคาท์ใหม่ๆ” วิทยาพยักหน้า “ตอนแรกผมไม่ค่อยได้ใช้เพราะยังเคลื่อนไหวไม่คล่อง ตอนนี้เริ่มมาใช้บ้างแล้วครับ”
“ดีแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราค่อยเริ่มออกเดินทางกันต่อนะคะ”
ทั้งสามคนแยกย้ายกันกลับที่พักของตนเองก่อนที่จะกลับมาพบกันใหม่ตอนรุ่งเช้าเพื่อออกเดินทาง ทุกคนเรียกแผนที่ออกมาดูเส้นทาง จดจำเส้นทางที่จะไปคร่าวๆ ไว้ในใจ แล้วเริ่มออกเดินทางต่อไปยังยูเฟเรีย ระหว่างทางเจอมอนสเตอร์ตามปกติ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเนื่องจากปาร์ตี้ตอนนี้มีเพิ่มมาเป็นสามคนแล้ว และทุกคนก็สามารถเอาตัวรอดในสถานการณ์ปกติได้เป็นอย่างดี แถบนี้จะมีอสูรเรขาคณิตที่เคยสร้างความลำบากให้กับวิทยาในตอนสอบเริ่มเกม แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาของเขาแล้ว ถึงขนาดที่เขาลองขอน้ำกับเพลิงจัดการคนเดียว ก็ทำได้ไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งหมดเดินผ่านป่ามาจนถึงวงเวทย์ขนาดใหญ่สีฟ้าที่ขวางทางเดินอยู่ มันมีบาเรียรูปโดมสีม่วงแดงครอบอยู่ ทำให้มองเห็นภายในได้ไม่ถนัดนัก
“นั่นเหรอครับบอส” วิทยาถาม นอกจากบอสหนามตอนสอบเริ่มเกมแล้วเขาก็ไม่เคยได้สู้กับบอสอีกเลย
“ใช่ค่ะ” น้ำตอบ เธอหยิบไรเฟิลขึ้นมาถือ แสดงถึงความเอาจริง
“อ่า เราเดินอ้อมไปได้ไหมครับ” ชายหนุ่มถามเขินๆ บรรยากาศไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่เลย “เหมือนมันมีทางเดินข้างๆ อะ”
“อ๋อ ไม่ได้ครับ ถึงเราจะเดินเข้าไปตรงนั้นก็ติดอยู่ดี เกมเค้าป้องกันไว้แล้ว” เพลิงพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกลัวนะครับ พวกเราสามคนเอาอยู่แน่นอน”
“เตรียมพวกโพชันกับอาหารให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ ถ้าเรายังไม่ได้ตอบตกลงจะสู้กับบอส บอสก็จะไม่ออกมาค่ะ” น้ำแนะนำ พวกเขากินอาหารเสริมพลังโจมตีและพลังป้องกันแล้ว วิทยาพยายามทำใจให้ฮึกเหิม
“ไปครับ”
ทั้งสามตอบตกลงเพื่อเข้าไปดวลกับบอส