เมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไสยศาสตร์,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยันต์เลือดเมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
“ยันต์เลือด” ตำนานต้องห้ามที่เขียนด้วยเลือดมนุษย์ กำลังตื่นขึ้นจากการหลับใหลยาวนาน พร้อมปลุกฝันร้ายสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ธาม นักสืบผู้มีอดีตฝังใจเกี่ยวกับไสยศาสตร์มืด ถูกดึงตัวกลับเข้าสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งทิ้งสัญลักษณ์ยันต์ลึกลับไว้บนร่างเหยื่อทุกศพ
เมื่อร่องรอยทั้งหมดพาเขาไปพบกับ “ลิน” หญิงสาวเจ้าของร้านขายของเก่า ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีสายเลือดต้องคำสาป ธามและลินจึงต้องร่วมมือกันไขปริศนา หาทางหยุดพิธีกรรมสังเวยครั้งใหม่
แต่ยิ่งเข้าใกล้ความจริง พวกเขากลับยิ่งถูกกลืนเข้าไปในเงามืดของคำสาปเลือด ที่ต้องแลกด้วยชีวิต… หรือบางทีอาจต้องแลกด้วย “วิญญาณ”
คืนที่สองหลังจากการพบศพเหยื่อรายแรก ธามกลับมาที่สำนักงานของเขาอีกครั้ง เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จดบันทึกข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบร่างเหยื่อและหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ แต่ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ
“มันไม่ได้เป็นแค่การฆาตกรรมธรรมดา” ธามพึมพำกับตัวเองขณะไล่สายตาผ่านเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดี ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเชื่อมโยงกับบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าแค่การฆ่าผู้คนเพื่อผลประโยชน์
เขาจำได้ดีว่าคำสัญญาของอาจารย์ที่เคยสอนเขาในวิชาที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์และศาสนาโบราณมีความหมายลึกซึ้งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับยันต์เลือด ซึ่งไม่เคยเป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไป ธามรู้ว่าคำสาปที่เกี่ยวข้องกับการเขียนยันต์ด้วยเลือดไม่ได้เป็นแค่ตำนาน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รบกวนการคิดของเขา ธามรับสายโดยไม่มองหมายเลข
“ธามครับ… มีเหยื่อรายใหม่แล้วครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานเสียงเครียด
“อะไรนะ?” ธามถามอย่างไม่เชื่อ
“ใช่ครับ เหยื่อเป็นชายวัยกลางคน พบที่ห้องเช่าร้าง แถมมีร่องรอยยันต์เลือดที่มืออีกเช่นกัน” เจ้าหน้าที่ตอบก่อนจะหยุดพูดชั่วขณะ
“ตามรายละเอียดที่ส่งมา เหยื่อรายนี้มีประวัติซับซ้อน… เขาเคยเป็นนักวิจัยในด้านโบราณคดี คิดว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับตำนานของยันต์เลือดครับ”
ธามวางสายด้วยความรู้สึกไม่ดี เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หัวใจของเขาสั่นไหว เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การฆาตกรรมธรรมดา แต่มันเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่เขาเคยพยายามหลีกหนีมานาน
เช้าวันรุ่งขึ้น ธามไปที่ห้องเช่าร้างที่พบศพใหม่ เหมือนกับเหตุการณ์ในคืนก่อน ทุกอย่างยังคงดูเงียบสงัด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ แต่ภายในห้องกลับเต็มไปด้วยร่องรอยที่บ่งบอกถึงการต่อสู้ และสิ่งที่ทำให้ธามรู้สึกกลัวก็คือ รอยเลือดที่เหมือนจะยังคงสดใหม่ ทั้งที่มันต้องผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว
“เหยื่อเป็นใคร?” ธามถามเจ้าหน้าที่ที่นำทางเขาไปยังห้อง
“เขาคือ ดร.กิตติพงษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง” เจ้าหน้าที่กล่าว “แต่เขาเคยหายไปจากแวดวงวิจัยนานแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ในช่วงหลัง มารู้ตัวอีกที เขาก็มาอยู่ที่นี่ พร้อมกับพวกเอกสารและสมุดบันทึกเกี่ยวกับตำนานต่างๆ”
ธามก้มมองไปที่โต๊ะที่มีเอกสารกองอยู่ แม้แต่สมุดบันทึกบางเล่มก็เต็มไปด้วยภาพเขียนยันต์เลือดที่ดูคล้ายกับสัญลักษณ์ที่พบในคดีแรก เขารู้สึกได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“บางอย่างที่เขาค้นพบเกี่ยวกับยันต์เลือด… อาจเป็นปริศนาที่รอการไขมัน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดอย่างระมัดระวัง
ธามพยักหน้าและหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เขาหมายตาที่บางหน้าของสมุด ที่เขียนด้วยตัวอักษรและสัญลักษณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของคาถาหรือพิธีกรรมโบราณบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาก็พบคำเตือนที่เหมือนจะถูกเขียนทับบนหน้าเดียวกัน: “อย่าแตะต้องมัน”
ลินนั่งอยู่ในร้านของเธอในขณะที่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ธามมาหาเธอและขอข้อมูลเกี่ยวกับยันต์เลือด แต่เธอกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน ภาพของชายหนุ่มที่ถูกฆ่าและคำบอกเล่าของธามทำให้เธอสงสัยมากขึ้น
“มันเริ่มจะเกินความคาดหมายแล้ว…” ลินพึมพำ ขณะยกมือขึ้นมาสัมผัสยันต์ที่ประดับอยู่ในร้าน
ทันใดนั้น…ประตูร้านเปิดออก ธามเดินเข้ามาพร้อมกับสมุดบันทึกในมือ
“เราต้องคุยกัน” ธามพูดเสียงหนัก
ลินหันไปมองเขา “เรื่องอะไร?”
“คุณต้องบอกผมทั้งหมดเกี่ยวกับยันต์เลือด… ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณรู้” ธามพูดด้วยเสียงต่ำแต่เต็มไปด้วยความดุดัน
“ไม่ใช่ทุกสิ่งที่คุณพร้อมจะรู้” ลินตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกอีกเล่มขึ้นมา “คุณไม่รู้หรอกว่าการเข้าไปพัวพันกับมัน… อาจจะทำให้คุณต้องสูญเสียทุกสิ่งที่คุณมี”