เมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไสยศาสตร์,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยันต์เลือดเมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
“ยันต์เลือด” ตำนานต้องห้ามที่เขียนด้วยเลือดมนุษย์ กำลังตื่นขึ้นจากการหลับใหลยาวนาน พร้อมปลุกฝันร้ายสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ธาม นักสืบผู้มีอดีตฝังใจเกี่ยวกับไสยศาสตร์มืด ถูกดึงตัวกลับเข้าสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งทิ้งสัญลักษณ์ยันต์ลึกลับไว้บนร่างเหยื่อทุกศพ
เมื่อร่องรอยทั้งหมดพาเขาไปพบกับ “ลิน” หญิงสาวเจ้าของร้านขายของเก่า ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีสายเลือดต้องคำสาป ธามและลินจึงต้องร่วมมือกันไขปริศนา หาทางหยุดพิธีกรรมสังเวยครั้งใหม่
แต่ยิ่งเข้าใกล้ความจริง พวกเขากลับยิ่งถูกกลืนเข้าไปในเงามืดของคำสาปเลือด ที่ต้องแลกด้วยชีวิต… หรือบางทีอาจต้องแลกด้วย “วิญญาณ”
แสงไฟจากถนนส่องสว่างบนพื้นหินเรียบข้างทางในยามค่ำคืน ธามขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านพักของเขา ขณะที่สมุดบันทึกของดร.กิตติพงษ์วางอยู่บนเบาะข้างๆ เขารู้ดีว่ามันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่เขาค้นพบในคดีฆาตกรรมที่เชื่อมโยงกับยันต์เลือดนั้น ไม่ได้เป็นแค่การฆ่าคนธรรมดา แต่กลับเชื่อมโยงกับสิ่งที่เขาพยายามหลีกหนีมาตลอดชีวิต
เขามองไปที่หน้าปัดนาฬิกาในรถยนต์ เวลาเกือบจะตีสองแล้ว แต่สมองของเขากลับยังคงหมุนวนอยู่กับสิ่งที่เขาพบในสมุดบันทึกของดร.กิตติพงษ์ บันทึกบางหน้าเต็มไปด้วยข้อความที่ดูเหมือนคำสาป แต่อย่างไรก็ตาม บางข้อความที่เขาอ่านยังคงทำให้เขาหลุดคิดว่า มันมีบางสิ่งที่ไม่ชัดเจน
“ทำไมเขาถึงต้องพัวพันกับสิ่งเหล่านี้…” ธามพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ค่อยๆ ขับรถไปยังที่พักของลิน
เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นทำให้ธามรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกซึ้ง เขารู้ดีว่าเมื่อเขาเข้าสู่เส้นทางนี้แล้ว เขาจะไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆ ถึงแม้จะมีคำเตือนจากลินว่าอย่าพัวพันกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้
ที่ร้านของลิน ค่ำคืนเงียบสงัด เสียงฝนตกยังคงดังเป็นจังหวะในภายนอก เมื่อธามเดินเข้ามาภายในร้าน ลินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้เก่า ท่าทางของเธอดูเคร่งเครียดเกินไปสำหรับคืนที่เงียบสงบเช่นนี้
“คุณมาที่นี่ทำไม?” ลินถามเสียงแข็ง ขณะมองไปที่ธาม
“เราต้องคุยกันอีกครั้ง เรื่องที่คุณรู้เกี่ยวกับยันต์เลือด” ธามพูดเสียงนิ่ง ท่าทางจริงจังมากขึ้น
ลินยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า และยกมือขึ้นกุมคางของตัวเอง
“ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าไม่ใช่ทุกสิ่งที่คุณจะพร้อมรู้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการฆาตกรรมธรรมดา” ลินถอนหายใจ และหยิบสมุดบันทึกอีกเล่มขึ้นมา “มันเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่เก่าแก่กว่าที่คุณจะคาดคิด”
ธามมองสมุดบันทึกในมือของลิน มันดูเก่ามาก สภาพเกือบจะเละเทะจากการใช้งานมานานหลายปี เขารู้ว่าในนั้นต้องมีข้อมูลสำคัญที่สามารถไขปริศนาทั้งหมดได้
“คุณพูดถึงอะไร? คุณหมายถึงอะไรที่เก่าแก่?” ธามถาม ดวงตาของเขากำลังมองไปที่ลิน
ลินเปิดสมุดบันทึกและพลิกหน้ากระดาษบางหน้าออกมา ก่อนจะหยุดที่หน้าหนึ่งที่มีคำสาปถูกเขียนด้วยหมึกแดง “นี่คือส่วนหนึ่งของตำนานโบราณที่เชื่อมโยงกับคำสาปแห่งยันต์เลือด มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมพลังมืดที่ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ”
“พลังมืด?” ธามถาม
“ใช่” ลินพยักหน้า “บางคนเชื่อว่าเลือดคือพลังชีวิตและมันสามารถผูกมัดวิญญาณกับโลกนี้ได้ การใช้เลือดในการเขียนยันต์จะเป็นการปลดปล่อยพลังที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในคำสาปนั้นๆ เพื่อควบคุมทุกสิ่งในโลกมืด… แต่ใครก็ตามที่พยายามใช้พลังนี้จะต้องจ่ายราคาที่สูงมาก”
ธามหันไปมองที่สมุดบันทึกที่ลินถืออยู่ในมือ “แล้วราคานั้นคืออะไร?”
ลินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยเสียงที่ต่ำ “ราคานั้นคือชีวิต…”
ในช่วงเวลานั้นเอง โทรศัพท์ของธามดังขึ้น เสียงสายเรียกเข้าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
“ธาม… ฉันขอโทษที่ต้องบอกคุณแบบนี้ แต่เรามีเหยื่อใหม่อีกแล้วครับ” เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลายสายดูรีบร้อนและเครียด
“เหยื่อใหม่?” ธามถามเสียงสั่น
“ใช่ครับ… เหยื่อรายนี้มีความเชื่อมโยงกับดร.กิตติพงษ์ เห็นได้ชัดว่าเขาค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับยันต์เลือด และอาจจะเป็นการเริ่มต้นของการสังเวยครั้งใหญ่”
ธามรู้สึกถึงแรงกดดันที่ก่อตัวขึ้นในอก เขาหันไปมองลินที่ยังคงยืนอยู่ข้างๆ เธอจับจ้องไปที่ธามด้วยดวงตาเคร่งเครียด
“ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้มีเวลามากนักแล้ว” ธามพูดอย่างหนักแน่น ก่อนจะวางสายและมองไปที่ลิน “คุณพร้อมที่จะช่วยผมไหม?”
ลินมองเขานิ่งๆ และในที่สุดเธอก็พยักหน้า “ฉันจะช่วยคุณ แต่ต้องรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่มีทางถอยหลัง… หากคุณตัดสินใจแล้ว คุณต้องเต็มใจยอมรับผลที่ตามมา”