เมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไสยศาสตร์,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยันต์เลือดเมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
“ยันต์เลือด” ตำนานต้องห้ามที่เขียนด้วยเลือดมนุษย์ กำลังตื่นขึ้นจากการหลับใหลยาวนาน พร้อมปลุกฝันร้ายสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ธาม นักสืบผู้มีอดีตฝังใจเกี่ยวกับไสยศาสตร์มืด ถูกดึงตัวกลับเข้าสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งทิ้งสัญลักษณ์ยันต์ลึกลับไว้บนร่างเหยื่อทุกศพ
เมื่อร่องรอยทั้งหมดพาเขาไปพบกับ “ลิน” หญิงสาวเจ้าของร้านขายของเก่า ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีสายเลือดต้องคำสาป ธามและลินจึงต้องร่วมมือกันไขปริศนา หาทางหยุดพิธีกรรมสังเวยครั้งใหม่
แต่ยิ่งเข้าใกล้ความจริง พวกเขากลับยิ่งถูกกลืนเข้าไปในเงามืดของคำสาปเลือด ที่ต้องแลกด้วยชีวิต… หรือบางทีอาจต้องแลกด้วย “วิญญาณ”
เช้าตรู่วันใหม่ ท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยเมฆสีหม่น ลมเย็นๆ พัดผ่านหน้าต่างห้องของธาม เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงภาพถ่ายจากสถานที่เกิดเหตุล่าสุด เหยื่อที่ 3 ชายวัยกลางคน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว สายตาก่อนสิ้นลมหายใจเหมือนจะมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกนี้
“มันเหมือน… เขาถูกดูดวิญญาณ” ธามพึมพำขณะเพ่งมองภาพ
บันทึกชันสูตรระบุว่าอวัยวะภายในของเหยื่อแห้งเหี่ยวราวกับถูกรีดของเหลวจนหมด ไม่มีบาดแผลภายนอกนอกจากสัญลักษณ์ยันต์เลือดตรงกลางอกซ้าย สัญลักษณ์เดิมที่เขาเห็นมาตั้งแต่เหยื่อคนแรก และที่น่าตกใจกว่านั้นใต้สัญลักษณ์มีอักษรโบราณภาษาเขมรเขียนไว้ว่า “เรียกคืนผู้เฝ้ารอ”
ธามไปพบลินที่ห้องใต้ดินของร้านเธอ ซึ่งเป็นห้องลับเก็บตำราและวัตถุเวทมนตร์โบราณ เขาเปิดภาพให้เธอดู และเธอก็เบิกตากว้างทันทีที่เห็นสัญลักษณ์
“อักษรพวกนี้…ไม่ได้เห็นมานานแล้ว มันเป็นภาษาที่ใช้เฉพาะในพิธีปลุก ‘ขุมนาค’ วิญญาณโบราณที่เคยถูกกักขังด้วยยันต์เลือดในตำนานทางเหนือ” ลินกล่าวพลางหยิบหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งจากชั้น
“‘ขุมนาค’ คืออะไร?” ธามถาม
ลินเปิดหนังสือให้ดู ในหน้ากระดาษซีดจางมีภาพเขียนสีแดงเข้ม เป็นรูปร่างครึ่งคนครึ่งงู นัยน์ตาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและความบ้าคลั่ง
“มันคือ ‘วิญญาณผู้รอคอย’ วิญญาณของนักพรตที่ผันตัวเป็นผู้ใช้พลังต้องห้าม เขาเคยรวบรวมผู้ติดตามนับร้อยเพื่อปลุกเวทมนตร์ดำที่สามารถควบคุมความตาย… จนกระทั่งถูกผู้ใช้ยันต์สายขาวผนึกไว้ใต้พื้นโลก”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับคดีฆาตกรรมพวกนี้?” ธามถามทันที
“การฆ่าแต่ละครั้งคือพิธีกรรม” ลินเสียงเย็น “เขากำลังปลุก ‘ขุมนาค’ ขึ้นมาอีกครั้ง และต้องใช้วิญญาณบริสุทธิ์ที่มีพลังจิตสูงเพื่อบรรจุในร่างใหม่…”
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาเดินทางไปยังวัดร้างทางเหนือของจังหวัด ซึ่งมีประวัติว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมลึกลับ ลินได้ยินมาจากคนรู้จักว่าในอดีตมีผู้ปกป้องยันต์เลือดรุ่นหนึ่งเสียชีวิตที่นี่
เมื่อเข้าไปในอุโบสถที่ถูกทิ้งร้าง ธามรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจากเงามืด เขาหยุดยืนตรงหน้าพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ถูกเถาวัลย์ปกคลุม และทันใดนั้นเอง…ภาพนิมิตก็แล่นเข้ามาในหัว
เขาเห็นตนเองในอดีต สวมชุดขาวคล้ายสามเณร เดินอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนแต่งชุดดำ พวกเขากำลังสวดภาษาที่เขาฟังไม่เข้าใจ ก่อนที่เขาจะเห็นแสงสีแดงเลือดสาดเข้าหน้า และเสียงกรีดร้องดังก้อง…
ธามสะดุ้งเฮือก
“คุณเห็นอะไร?” ลินถาม
“ผมไม่แน่ใจ…” เขาตอบเสียงเบา “แต่ผมว่า…ผมเคยอยู่ที่นี่”
คืนนั้นที่โรงแรมที่พักชั่วคราว ธามเปิดหนังสือเก่าเล่มที่ลินให้มาทบทวนอีกครั้ง เขาเจอบันทึกส่วนหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือ ไม่ใช่ของนักพรตโบราณแต่เป็นภาษาไทยแบบปัจจุบัน
“หากเธออ่านถึงตรงนี้ แสดงว่าเลือดของเธอกำลังปลุกมันอยู่…
อย่าปล่อยให้เลือดนั้นตกอยู่ในมือผิดคน…”
“มันหมายถึงผมหรือเปล่า…” ธามพึมพำ เขาเริ่มสงสัยว่าเขาเองอาจมีสายเลือดของผู้ใช้ยันต์ เขาอาจไม่ใช่แค่คนธรรมดาที่เข้าไปพัวพันคดีนี้โดยบังเอิญ
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ของลินก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?… อะไรนะ!?”
เสียงของลินตื่นตกใจ ธามหันไปมองทันที
“มีเหยื่อรายใหม่ที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้มีข้อความที่เขียนด้วยเลือดอยู่ข้างศพ…”
“เขียนว่าอะไร?”
ลินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า…
“ถึงเวลาที่เลือดของผู้สืบทอดต้องตื่นขึ้น…”