เมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ไสยศาสตร์,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยันต์เลือดเมื่อยันต์ต้องห้ามตื่นขึ้น เลือดเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ หรือจะถูกกลืนหายไปตลอดกาล
“ยันต์เลือด” ตำนานต้องห้ามที่เขียนด้วยเลือดมนุษย์ กำลังตื่นขึ้นจากการหลับใหลยาวนาน พร้อมปลุกฝันร้ายสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ธาม นักสืบผู้มีอดีตฝังใจเกี่ยวกับไสยศาสตร์มืด ถูกดึงตัวกลับเข้าสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งทิ้งสัญลักษณ์ยันต์ลึกลับไว้บนร่างเหยื่อทุกศพ
เมื่อร่องรอยทั้งหมดพาเขาไปพบกับ “ลิน” หญิงสาวเจ้าของร้านขายของเก่า ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีสายเลือดต้องคำสาป ธามและลินจึงต้องร่วมมือกันไขปริศนา หาทางหยุดพิธีกรรมสังเวยครั้งใหม่
แต่ยิ่งเข้าใกล้ความจริง พวกเขากลับยิ่งถูกกลืนเข้าไปในเงามืดของคำสาปเลือด ที่ต้องแลกด้วยชีวิต… หรือบางทีอาจต้องแลกด้วย “วิญญาณ”
คืนนั้น ธามและลินเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้ ยันต์กันวิญญาณ, ผงเกล็ดทองบด, มีดหมอแกะสลักลายยันต์โบราณ ทั้งหมดถูกวางเรียงอยู่ในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ลินบรรจงจัดอย่างระมัดระวัง
“เราจะไปกันแค่สองคนเหรอ?” ธามเอ่ยถาม พลางหยิบมีดหมอขึ้นมาลองถือ
“ยิ่งคนเยอะ ยิ่งเป็นเป้าล่อ” ลินตอบเสียงเรียบ “และนี่…ไม่ใช่สงครามของคนทั่วไป มันคือการสู้ของผู้มีสายเลือด”
ธามนิ่งไปชั่วขณะ เขายังไม่ชินกับความจริงที่เลือดในตัวเขามีพลังที่คนอื่นกำลังแย่งชิงและที่สำคัญพลังที่เขายังไม่รู้ว่าจะควบคุมมันได้หรือไม่
ค่ำคืนถัดมา พวกเขาเดินทางออกนอกเมือง มุ่งสู่ป่าทึบที่กินพื้นที่กว้างไกลจนดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด เส้นทางลูกรังทอดยาวใต้เงาไม้สูง ลมพัดหวิวราวกับมีเสียงกระซิบของใครสักคนแทรกอยู่ในอากาศ
รถจอดลงที่ขอบป่า จากจุดนี้ต้องเดินเท้าเข้าไปลึกอีกเกือบสองกิโลเมตรถึงจะถึงวัดร้าง
ระหว่างทางที่เดิน ธามรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแอบมองพวกเขาอยู่ในความมืด ต้นไม้ข้างทางเหมือนจะขยับได้เอง เงาดำเคลื่อนผ่านสายตาแวบๆ แต่พอหันไปมองก็พบเพียงความว่างเปล่า
“อย่าหันหลังกลับ” ลินพูดเสียงเบา “พวกมันกำลังล่อให้เราหลงทาง”
หลังจากเดินผ่านต้นไทรใหญ่ที่มีเศษผ้ายันต์สีซีดผูกอยู่ตามกิ่ง วัดร้างก็ปรากฏตรงหน้า
โครงสร้างไม้ผุพังมีเถาวัลย์ขึ้นเกาะ บรรยากาศเย็นยะเยือกผิดธรรมชาติ กลิ่นคาวเลือดบางเบาลอยปะปนมากับสายลม
กลางลานวัดมีวงกลมขนาดใหญ่ถูกขีดไว้ด้วยเลือดสดใหม่ รอบวงมีเทียนดำปักเป็นแนว ยอดเทียนสั่นไหวทั้งที่ไร้ลม
และตรงกลางวงกลม…มีใครบางคนยืนอยู่
“นั่นมัน…” ธามขยับตัวชิดลิน
“เขาคือ…ผู้ปลุก” ลินกระซิบ
ร่างนั้นสวมชุดคลุมดำ ใบหน้าซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินที่สลักลายงูพันกันเป็นวงกลม มือข้างหนึ่งถือกริชสั้นที่เปื้อนเลือด ข้างเท้าของเขามีร่างเหยื่อรายล่าสุดนอนนิ่ง หญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัวแม้จะสิ้นลมหายใจแล้ว
ผู้ปลุกเงยหน้าขึ้นช้าๆ ราวกับรับรู้ได้ถึงการมาของธามและลิน
เสียงหัวเราะแหบพร่าดังขึ้นจากใต้หน้ากาก
“เจ้ามาจนได้…สายเลือดสุดท้าย…”
ไม่ทันให้ตั้งตัว เงาดำหลายสายพุ่งออกจากวงเวท ล้อมพวกธามและลินไว้ทันที เงาเหล่านั้นมีรูปร่างบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ ตากลวงโบ๋ แต่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับมีชีวิต
“ยันต์! ใช้ยันต์!” ลินตะโกน
ธามดึงยันต์กันวิญญาณออกจากกระเป๋า ขว้างออกไปกลางอากาศ ยันต์กระพือแล้วระเบิดแสงสีทองสว่างวาบ เงาดำร้องโหยหวนก่อนจะระเหยหายไปบางส่วน
แต่จำนวนที่เหลือยังมากเกินกว่าที่จะต่อสู้ได้ด้วยมือเปล่า
“ทางนี้!” ลินดึงแขนธาม พาวิ่งผ่านแนวเงาไปอีกด้าน พวกเขาพยายามหลบหลีกเข้าไปในอุโบสถเก่า เพื่อหาทางตั้งหลัก
ภายในอุโบสถ ท่ามกลางซากไม้ผุและธูปเก่าๆ มีสิ่งหนึ่งตั้งอยู่กลางห้อง…
ตู้ไม้โบราณ
ตู้ที่มีตรายันต์เลือดสลักเต็มบานประตู
“นี่มัน…” ธามกระซิบ
“ตู้กักขัง” ลินตอบหน้าซีด “ข้างในนั้น…อาจเป็นร่างของ ‘ขุมนาค’ ที่ถูกผนึกไว้ตั้งแต่โบราณ!”
ทันใดนั้น ผู้ปลุกก็ตามมาถึง เขาเดินช้าๆ พร้อมกริชในมือเปื้อนเลือด หัวเราะเบาๆ เหมือนสนุกกับการล่า
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก…เลือดของเจ้าจะปลุกทุกสิ่งขึ้นมาอีกครั้ง!”
ลินรีบดึงมีดหมอออกมา เธอสวดมนต์บทหนึ่งเป็นภาษาขอมโบราณ มีดในมือส่องประกายวูบไหวไปตามคำสวด
ธามในตอนนั้น รู้สึกถึงบางอย่างในร่างกายตื่นขึ้น
หัวใจเขาเต้นแรงผิดปกติ เส้นเลือดใต้ผิวหนังเรืองแสงสีแดงเรื่ออย่างควบคุมไม่ได้ เขาได้ยินเสียงกระซิบในหู…เสียงที่บอกให้เขา “ปลดปล่อยพลัง” เพื่อหยุดทุกอย่าง
และแล้ว…
ยันต์เลือด
รูปแบบใหม่ปรากฏขึ้นกลางอากาศต่อหน้าธามเอง ราวกับตอบรับสายเลือดของเขา
ผู้ปลุกชะงักไปครู่หนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้…! เจ้าควบคุมมันได้ตั้งแต่ครั้งแรกงั้นเหรอ!?”
ธามยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญชาตญาณสั่งให้เขาก้าวไปข้างหน้า ยกมือขึ้น แล้วพุ่งยันต์เลือดที่ลอยกลางอากาศไปยังผู้ปลุก
แสงสีแดงเข้มระเบิดขึ้นในอุโบสถ เงาทั้งหลายส่งเสียงกรีดร้องเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟมองไม่เห็น
ลินฉวยจังหวะนั้น กระชากธามออกไปจากวงเวท
พวกเขาวิ่งฝ่าความมืดออกจากวัดร้าง เสียงกรีดร้อง ความโกลาหล และเปลวไฟสีแดงยังคงไล่หลังมา เมื่อพวกเขากลับถึงรถ ทั้งสองคนหอบหายใจเหนื่อยอ่อน
ลินหันมามองธามด้วยแววตาหนักใจ
“คุณ…ไม่ใช่แค่ผู้รักษาประตูธรรมดาแล้ว” เธอกล่าวเสียงเคร่งเครียด “คุณคือผู้สืบทอดสุดท้าย ที่มีอำนาจเรียกและทำลายยันต์เลือดได้”
“แล้วนั่นหมายความว่าอะไร?” ธามถามเสียงเบา
ลินมองเข้าไปในดวงตาของเขา ก่อนจะตอบช้าๆ
“หมายความว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมนี้…กำลังตามล่าเลือดของคุณ”